◀ Previous Next ▶ Up ▲

witpoko.com


    ปีใหม่ : ให้อภัยผู้อื่นอย่างหมดใจ

    “พระเจ้าทรงบัญชาว่าเราต้องให้อภัยผู้อื่นทั้งนี้เพื่อเราจะได้รับการยกโทษบาปของเรา  และได้รับพรด้วยสันติสุข
    และความปิติยินดี “


    ประธานสเป็นเซอร์  ดับเบิลยู คิมบัลล์   สอนเกี่ยวกับการแสวงหา  “การยกโทษ”     ท่านเน้นหลักธรรมสำคัญของการให้อภัยผู้อื่นด้วย     ขณะขอร้องให้ทุกคน “พัฒนาวิญญาณ”  แห่งการให้อภัย    ท่านได้เล่าประสบการณ์ดังต่อไปนี้

      “ข้าพเจ้ากำลังหาหนทางแก้ปัญหาชุมชนในวอร์ดเล็กๆแห่งหนึ่ง..............ซึ่งชายที่มีชื่อเสียงสองคน  ผู้นำของผู้คนอาฆาตพยาบาทกันมานานและไม่มีใครยอมลดราวาศอกให้แก่กัน      ความเข้าใจผิดบางอย่างระหว่างพวกเขาบีบคั้นให้ต้องหมางใจกัน      หลายวัน  หลายสัปดาห์    และหลายเดือนผ่านไป  ช่องว่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวแต่ละฝ่ายเริ่มขัดแย้งกัน     จนในที่สุดเกือบทุกคนในวอร์ดเข้ามาเกี่ยวข้อง     ข่าวลือแพร่สะพัดและความบาดหมางลือกระฉ่อน    การนินทากลายเป็นลิ้นแห่งไฟจนคล้ายกับมีเหวลึกแบ่งแยกชุมชนเล็กๆแห่งนี้    ข้าพเจ้าถูกส่งไปแก้ปัญหา..........ข้าพเจ้าไปถึงชุมชนที่ร้าวฉานประมาณหกโมงเย็นวันอาทิตย์และไปประชุมกับแกนนำในทันที



       “เราพยายามมาก  อ้อนวอน  เตือน  ขอร้อง และรบเร้าก็แล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีอะไรทำให้พวกเขาหวั่นไหวได้
    ต่างฝ่ายต่างก็แน่ใจว่าคนของตนถูก และแก้ต่างว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เขาเปลี่ยนท่าที

      “หลายชั่วโมงผ่านไป----- เลยเที่ยงคืนไปนานแล้ว และดูเหมือนความหมดหวังจะแผ่คลุมไปทั่วบริเวณนั้น
    บรรยากาศของความขุ่นแค้นและเดือดดาลยังคงอยู่    ความแข็งขืนดื้อดึงยังไม่ยอมเปิดทางให้  จากนั้นเหตุการณ์หนึ่งก็เกิดขึ้น  ข้าพเจ้าเปิดคำสอนและพันธสัญญาอีกครั้งอย่างไร้จุดหมายและข้อนั้นอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าเคยอ่านมาแล้วหลายครั้งในหลายปีที่ผ่านมาและไม่เคยมีความหมายพิเศษมาก่อน  แต่คืนนี้นั่นคือคำตอบ
    คือคำอ้อนวอน  คำขอร้อง  และคำข่มขู่ และดูเหมือนจะมาจากพระเจ้าโดยตรง  ข้าพเจ้าอ่าน { ภาค64   }
    เริ่มจากข้อเจ็ดเป็นต้นไป     แต่คนที่ทะเลาะกันยังไม่มีใครยอมใครจนข้าพเจ้าอ่านถึงข้อเก้าตอนนั้นข้าพเจ้าเห็นพวกเขาผงะ   สะดุ้ง  และสงสัย   นั่นถูกต้องหรือ  พระเจ้ากำลังตรัสกับเรา      เราทุกคน   “ดังนั้น   เรากล่าวกับเจ้าว่าเจ้าควรอภัยกัน”


       “นี่คือข้อผูกมัด   พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน     พวกเขาเคยพูดถึงเรื่องนี้เมื่อทบทวนคำสวดอ้อนวอนของพระเจ้า”
    แต่บัดนี้   “..........เพราะคนที่ไม่อภัยการล่วงเกินของพี่น้องของตน   ย่อมยืนถูกกล่าวโทษต่อพระพักตร์พระเจ้า......”

    พวกเขาอาจจะพูดในใจว่า  “ผมจะให้อภัยถ้าเขากลับใจและขออภัย    แต่เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “ และแล้วดูเหมือนบรรทัดสุดท้ายจะกระทบจิตใจเขาอย่างจัง      “เพราะบาปที่ใหญ่หลวงกว่าคงมีอยู่ในเขา”


    “อะไรกัน   นั่นหมายความว่าผมต้องให้อภัยแม้ปรปักษ์จะยังคงเย็นชา   หมางเมิน และใจแคบอย่างนั้นหรือ   ผมไม่ทำเช่นนั้นแน่ “

    “ความผิดพลาดโดยทั่วไป คือความคิดที่ว่าผู้กระทำผิดต้องขอโทษและเจียมตนแม้ดังผงธุลีก่อนจะได้รับการยกโทษ   แน่นอนว่าคนที่ทำร้ายผู้อื่นควรเป็นฝ่ายปรับปรุงแก้ใข  แต่สำหรับผู้ถูกกระทำเล่า   เขาต้องให้อภัยผู้กระทำผิดไม่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะมีท่าทีอย่างไร?    บางครั้งมนุษย์ได้รับความพอใจจากการได้เห็นอีกฝ่ายหนึ่งคุกเข่าและหมอบอยู่แทบเท้า แต่นั่นไม่ใช่วิธีของพระกิตติคุณ  “

    “เกิดอาการตกใจ    ชายทั้งสองนั่งตัวตรง ฟัง และไตร่ตรองหนึ่งนาที จากนั้นก็เริ่มจำนน   พระคัมภีร์ข้อนี้เสริมข้ออื่นทั้งหมดที่อ่านไปแล้วและทำให้ใจเขาอ่อนลง ประมาณ ตีสอง       คู่ปรับจับมือกัน    ยิ้มให้กัน  ขออภัย  และให้อภัยกัน
    ชายทั้งสองโอบกอดกัน   ชั่วโมงนี้ศักดิ์สิทธิ์  ความคับแค้นใจในอดีตได้รับการยกโทษและเลิกแล้วต่อกัน
    ศัตรูกลับมาเป็นมิตรอีกครั้ง  ไม่ก่อความขุ่นข้องหมองใจกันอีกต่อไป      โครงกระดูกถูกฝัง  ห้องลับของกระดูกแห้งถูกล็อคและกุญแจถูกโยนทิ้งสันติสุขกลับคืน “



    ตลอดการปฏิบัติศาสนากิจของประธานคิมบัลล์  ท่านแนะนำสมาชิกศาสนาจักรว่า   ต้องให้อภัย   “ถ้าเกิดความเข้าใจผิด    จงชี้แจง    ให้อภัย และลืม    อย่าปล่อยให้ความคับแค้นใจในอดีตเปลี่ยนแปลงและส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณของท่าน ทำลายความรักและชีวิตท่าน    จงจัดบ้านให้อยู่ในระเบียบ   จงรักกัน  รักเพื่อนบ้าน  รักมิตรสหายและคนใกล้ตัว  ขณะที่พระเจ้าประทานพลังนี้แก่ท่าน  “

    จากคุณ : anuwat5 - [ 8 ม.ค. 50 18:48:29 ]

 
 



กระทู้ยอดนิยม