เรียนพี่ๆห้องนอกเรื่อง ตอนนี้หนูมีเรื่องขอให้พี่ๆห้องนอกเรื่องช่วยเหลือด้วยค่ะ คือระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เรียกว่า แอดมิชชั่น ได้ทำร้ายหนูและเด็กๆ ม.ปลายหลายคน คุณหมอกมลพรรณที่เป็นประธานเครือข่ายพ่อแม่ก็เลยจะนัดกันไปมอบหนังสือให้ท่าน รมต.ศึกษาคนใหม่ค่ะในวันพรุ่งนี้ 10 ตุลา 2549 เวลา 13.00น. บริเวณหน้าพระพุทธรูป ข้างตึกราชวัลลพ เข้าทางประตูถนนราชดำเนิน หนูจึงอยากเชิญชวนผู้ที่ประสบปัญหานี้ อันได้แก่ ผู้ปกครองที่ลูกหลานประสบปัญหานี้อยู่ และพวกเพื่อนๆที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาไทยไปพบกันด้วยค่ะตัวอย่างหนังสือที่ยื่น51 หมู่ 17 บางนาตราดกม.10 บางพลี สมุทรปราการ 10540 www.parent-youth.netโทร 01 -2980284 , 06-8810408 โทร / แฟกซ์ 02-6511991 02-3752241 02-76377229 ตค. 49กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ รมต .กระทรวงศึกษาธิการ ดร .วิจิตร ศรีสะอ้าน ปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา จากการที่ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ รวมทั้งเยาวชน ได้ติดตามการปฏิรูปการศึกษา และได้รับเรื่องร้องเรียน ต่างๆหลายเรื่อง ที่ มีปัญหา ทั้งเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข และปัญหาที่ต้องการความช่วยเหลือและแก้ไขในอันดับที่ไม่ด่วน แต่ จำเป็นต้องแก้ไข ดังนี้1 เรื่องเร่งด่วน ที่สุด1.1 ในวันที่ 28 ตค 49 นี้กำลังจะมีการสอบวิชาเฉพาะของแพทย์ ปัญหาคือ ในเกณฑ์ที่บังคับว่าเด็กต้องได้เกรดมากกว่าสาม ต้องเป็นเด็กปีหนึ่ง ซึ่งหากปี สองขึ้นไปต้องลาออกก่อน เพื่อมิให้ เสียงบประมาณ แผ่นดิน และ ต้องได้ONET มากกว่า 60% จึงมีสิทธิ์ สอบแพทย์ เป็นเกณฑ์ที่คณะแพทย์เกือบทั้ง ประเทศ ใช้กัน ทำให้ เด็กที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเมื่อสองสามปีที่แล้วเกิดความ เสียหาย หมดสิทธิสอบ รวมทั้งเด็กที่มีปัญหาคะแนน ONET ที่บางคนไม่มีคะแนนรายละวิชา บางคนไม่แน่ใจในคะแนน เพราะไม่สามารถตรวจสอบคะแนนได้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด และไม่มีคำเฉลย ให้ตรวจสอบ ก็หวังอย่างยิ่งที่จะใช้การสอบใหม่นี้แก้ตัว แต่ปรากฏว่า ทางสถาบันทดสอบแห่งชาติ และสกอ ทปอ ยังคงยืนยัน ว่าห้ามสอบใหม่ หรือใช้คะแนนแก้ตัว ทั้งๆที่เมื่อปีที่ ผ่านมา ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจาก การบริหารจัดการของสกอ. สทศ .และทปอ. ร่วมกันทำให้เกิดขึ้น แต่สุดท้าย ความเสียหายเด็กต้องรับเคราะห์กรรม โดยที่ไม่มีใครมารับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผลักภาระทั้งหมด ไปให้เยาวชน และประชาชนในการสอบแพทย์ เกณฑ์ต่างๆที่อ้างมูลเหตุ ที่ต้องตั้งเกณฑ์ นั้นก็พอจะรับฟังได้ในบางข้อ แต่ ความหวังที่เด็กเขาได้คาดหวัง ตั้งใจ เพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการเพื่อตอบแทนบุญคุณ บุพการี ก็น่าจะเปิดโอกาสให้เขาได้ทำให้สมความตั้งใจ และให้โอกาสเด็กได้ใช้สิทธิตามระบอบ ประชาธิปไตย ที่เราพยายามเรียกร้องให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะ กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อป้องกันปัญหาอื่นๆตามมา และ ให้เยาวชนได้เรียนรู้ระบบประชาธิปไตย อย่างแท้จริง โดยให้ กระทรวงศึกษานัดเด็กที่เดือดร้อน พร้อมตัวแทนผู้ปกครอง เข้าชี้แจง รวมทั้งเชิญตัวแทนภาครัฐ มาชี้แจงเหตุและผลซึ่งกันและกัน โดยมีสื่อมวลชนร่วมด้วยข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับ การแกปัญหา การสอบแพทย์ กสพท.1.2 ในระบบแอดมิชชั่น ที่ประกาศใช้ นั้น ขอให้ กระทรวงศึกษาธิการ ยกเลิกระบบแอดมิชชั่น โดยเปลี่ยนเป็นระบบเอ็นทร้านซ์เดิม และการรับสมัคร เป็นแบบ ระบบเดิม เนื่องจาก 1.2.1 ระบบแอดมิชชั่น นี้ ยังไม่มีความพร้อม สำหรับประเทศไทย และเป็นรูปแบบที่ต่างจากประเทศที่เจริญแล้ว ของเราใช้คะแนนจากาการสอบมาเป็นเกณฑ์ ตัดสิน และจำนวนวิชา เก็บคะแนนมากกว่า ไม่ได้ดูองค์ประกอบความสามารถด้าน อื่นๆของเด็ก และความโปร่งใสยุติธรรมประเทศเรายังคงมีปัญหา1.2.2 การใช้ระบบนี้เมื่อปีที่ผ่านมาเกิดปัญหามาก ถึงแม้นจะยืนยันว่าจะไม่เกิดปัญหาอีกในปีหน้า แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆที่จะสามารถยืนยันได้ว่า การสอบ ONET เด็กเป็นแสนๆคน จะสามารถควบคุม ความโปร่งใสยุติธรรม ได้ และการนำข้อสอบมาตรวจส่วนกลางในปริมาณมากๆ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะไม่เกิดปัญหา ข้อสอบเด็กหาย หรือเกิดการผิดพลาด1.2.3 ในการรับสมัครโดยผ่านเฉพาะทางอินเตอร์เน็ท เกิด ปัญหาในเด็กที่ห่างไกลความเจริญ มาก เดือดร้อนจากค่าเช่าอินเตอร์เน็ท แพง อยู่ไกล 1.2.4 ***ส่วนของ วิชาบางวิชาไม่เหมาะสม เช่นคณะทางสังคม ใช้ สอบวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ใน***ส่วนที่สูงมาก หรือคณะวิศวะ สถาปนิค ต้องสอบ ชีวะ นิเทศ ต้องสอบวิทย์ เป็นภาระให้เด็ก แต่ ไม่มีประโยชน์ อย่างใดต่ออนาคตของชาติควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น การกำหนด***ส่วนวิชาที่ใช้สอบในระบบแอดมิชชั่น โดยมี ศ.นพ เกษม วัฒนชัย หรือรตอ .ดร. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นประธานให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน เช่น ให้ปรับ ***ส่วนคะแนนของบางสาขา และจำนวนวิชาให้น้อยลง ตามความจำเป็น เช่นควรยกเลิกการสอบ เอาคะแนน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์(ใน ONET ) ในสาขาสังคม เช่น รัฐศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ฯลฯ เพราะ ไม่เกี่ยวข้องกับคณะที่จะเรียน ส่วน GPA ควร ให้ไม่เกิน 5 % เพราะหากคิดสูงๆ แต่สุดท้ายมาปรับด้วย ONET ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆต่อเด็กๆ และต่อ ระบบการศึกษา เพราะไม่มีใครเชื่อถือ GPA แต่เชื่อถือผลสอบ ONET ที่เป็นความรู้ติดกับตัวเด็กมาและหากจะใช้การปรับ GPA จริง ต้องแสดงวิธีคิดที่ให้เข้าใจง่าย ไม่เป็นหนทางแห่งการทุจริตได้ง่าย 1.2.5 สำคัญมากๆ คือ ยังไม่มีวิจัยใดๆที่ยืนยันได้ว่าการเปลี่ยนเป็นระบบนี้แล้ว มีประโยชน์ ใดๆกับเด็กและผู้ปกครอง อนาคตของประเทศชาติ นอกจากเด็กเข้าห้องเรียน มากขึ้น แต่ศักยภาพเด็กเป็นอย่างไร ดีขึ้น หรือแย่ลง คิดเป็นมากขึ้นไหม มีความสุขมากขึ้นไหม เด็กๆเป็นเหยื่อทางธุรกิจการศึกษาหรือไม่ จากการ วิจัย ของอาจารย์ สุชาดา ครุศาสตร์ จุฬาที่ว่าผู้ปกครองต้องเสียค่าใช้จ่ายในการ กวดวิชามากขึ้น สุขภาพจิตแย่ลง เครียดมากขึ้นหากจะใช้จริงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ว่าระบบแอดมิชชั่น เป็นผล ดีต่อ เยาวชนอย่างไร ทั้งในแง่ของการกวดวิชา การลดความเครียด การเพิ่มศักยภาพเยาวชน เด็กถูกรีไทร์น้อยลงหรือไม่ พร้อมทั้งหลักฐานการวิจัยยืนยัน นอกเหนือจากการได้เรียนอยู่ในห้องเรียน 1.3 ถ้าไม่ยกเลิก ขอให้มีการปรับเกณฑ์ โดยมีการรับฟังความเห็น โดยมีคนกลาง เป็นประธาน และมีสื่อมวลชน เข้าร่วม เปิดกว้างทั้งผู้ปกครองและเยาวชน โดยไม่ต้องถามที่มาของเยาวชน และไม่ต้องให้ครูพามาและควรให้โอกาส สำหรับเด็กที่จบไปแล้วปีก่อนๆ สามารถ สอบ ONET ซ้ำได้ แต่ไม่เอาไปประเมินคุณภาพ โรงเรียน เพราะปีที่ผ่านมาที่คะแนน มีปัญหา เด็ก ไม่ได้เรียนต่อ ต้องการสอบใหม่จำนวนมาก รายชื่ปัจจุบันอยู่ที่ 500 คน 2 เรื่องที่ไม่เร่งด่วน แต่ต้องทำ ไปด้วยกัน คือ 2.1 การพัฒนาเยาวชน ปัจจุบัน การศึกษากลายเป็นธุรกิจ ทางการศึกษา ไม่ว่าการกำหนดระบบแอดมิชชั่น ที่สั่งให้เพิ่มวิชาที่ใช้ สอบมากขึ้น การให้กองทุน นักศึกษา ICL ที่คิดอัตราดอกเบี้ย ตามเงินเฟ้อ ทั้งๆที่ควรจะให้ฟรี โดยเฉพาะเด็กยากจน หรือไม่คิดดอกเบี้ย การกำหนดเกณฑ์ในการกู้ยืมให้รัดกุมรอบคอบ ไม่ใช่ใครก็ได้มากู้ยืม เหล่านี้ ล้วนเป็นภาระแก่ประชาชนในภายภาคหน้า และ เพื่อป้องกันการทำธุรกิจ บนความ เดือดร้อนของประชาชน และจะเป็นภาระต่อรัฐบาลที่ต้องตามเก็บ และภาระภาษีของประชาชน หากคนที่กู้ไปไม่จ่ายเงิน หรือมีเงินเดือนไม่ถึงจำนวน มาก2.2 กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดการศึกษา ตามจุดมุ่งหมาย ตามพรบ.การศึกษามาตรา 6, 8 (2), 9 , 22, 24, 28 แล้วหรือไม่อย่างไร 2.3 ให้มีการปรับหลักสูตรการศึกษา ให้มีหลากหลาย ตามหลัก Child centered อาจจะตามแบบเวียตนามที่ได้จัดการศึกษา โดยจ้างผู้เชี่ยวชาญทางการศึกษา มาทำให้ รายละเอียด ตามเอกสารแนบสรุปด้านการศึกษา ที่รัฐบาลน่าจะ แก้ไข 1 ตั้งศูนย์พัฒนาศักยภาพมนุษย์ แห่งชาติ ทำหน้าที่ พัฒนาครู รับฟังความเห็น 2 ยกเลิกแอดมิชชั่น ใช้เอ็นทร้านซ์ แทน 3 เร่งปรับเกณฑ์ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเน้นทักษะชีวิตมากขึ้น เพื่อลดปัญหาเด็กต่างๆ เน้นภาคปฏิบัติจริง เน้นความรักชาติ และให้มีวิชา เลือกได้จริง อย่างกว้างขวง4 เร่งพัฒนาครู ให้สอนให้เด็กคิดเป็น โดยใช้สื่อไอทีช่วย5 เร่งพัฒนารร.ให้มีคุณภาพใกล้เคียงกัน6 ให้สวัสดิการ ครู ทหาร ตำรวจมากขึ้น7 เปลี่ยนเกณฑ์ ประเมินครูใหม่8 ยุบ สมศ. เปลี่ยนเป็นหน่วยงานพัฒนาครู ทั้งประเทศ แทน9 ให้จัดการศึกษาฟรีที่มีคุณภาพ สำหรับเด็กยากจน และข้าราชการผู้น้อย จริงๆ เช่นผู้ได้รายได้ครอบครัว ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ต้อได้รับการเรียนฟรี ทั่วประเทศ10 ให้มีกฎหมายควบคุมโรงเรียนกวดวิชาพวกเราจึงมาขอ ความ ช่วยเหลือ เพื่อให้ประชาชนมีความอุ่นใจว่ามี รัฐบาลที่ช่วยเหลือประชาชนระดับรากหญ้า หรือรากแก้ว จริงๆ เพราะรัฐบาลที่ผ่านๆมา ไม่ได้แก้ไขปัญหาการศึกษา โดยยึดประชาชน เยาวชน เป็นหลักแต่ อย่างเดียว แต่ตกไปเป็นผลประโยชน์ ของบางกลุ่ม แต่เกิดความเสียหายต่อเยาวชนอนาคตของชาติ พร้อมกันนี้พวกเราจึงใคร่ขอเข้ายื่นหนังสือต่อ รมต.กระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนในวันที่ 10 ตค. 49 เวลา 13.30 น.จึงขอกราบเรียนมา เพื่อโปรดพิจารณา ขอกราบ ขอบพระคุณยิ่ง ขอแสดงความนับถือพท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรีโทร.027637722, 068810408 ประธานเครือข่ายพ่อแม่ฯhttp://www.parent-youth.netขอความกรุณาบอกต่อๆกันไปด้วยนะคะ ใครว่างก็ช่วยไปกันหน่อยนะคะ เราจะได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งที่ได้แก้ปัญหาที่มีเด็กๆหลายคนอยากให้แก้ขอบพระคุณที่กรุณาสละเวลามาอ่านค่ะ
จากคุณ : ด้วง - [ 10 ต.ค. 49 00:13:30 ]
แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 49 10:05:12
แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 49 10:59:34