ความคิดเห็นที่ 5
ชอบคนข้างบนจังค่ะ ตั้งใจตอบดีจัง ทั้งที่เจ้าของกระทู้มีเจตนาจะโฆษณาแท้ๆ
ขอเสริมคนข้างบนหน่อยค่ะ จะเรียนภาษาอังกฤษให้สื่อสารกับคนอื่นได้ ถ้าเริ่มจากฝึกเท้นซ์คือ แกรมม่าร์ต่างๆให้แน่น มีผลดีกับคุณเรื่องการพูดแบบถูกต้อง ดูเป็นผู้มีการศึกษาค่ะ ถ้าอยู่เมืองไทย หัดท่องจำและฝึกเรื่องเท้นซ์ให้คล่อง ถ้าฟังวิทยุหรือ ข่าวภาษาอังกฤษ คอยฟังว่า ทำไมเค้าใช้รูปประโยคแบบนี้ จะเข้าใจค่ะ
เช่น I've been here for 3 months ต่างจาก I'd been there 3 months until I'm better ตรงไหน ในการใช้งานความหมายของประโยคจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะอันแรกหมายถึง ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ ๓ เดือนแล้ว(และยังคงอยู่) กับอีกประโยคคือ ฉันอยู่ที่นั่น๓เดือน จนกระทั่งฉันดีขึ้น(ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่แล้ว) การใช้เท้นซ์ที่ดูยุ่งยากในสายตาคนที่อยู่เมืองไทย มันเป็นตัวช่วยให้การพูดของคุณ สามารถบอกเวลาและสื่อสารให้คนรู้ได้อย่างชัดเจน
ส่วนเรื่องการออกเสียง ถ้าคนที่อยู่เมืองไทยและไม่มีโอกาสคุยกะ ฝรั่ง เปิดหนังฝรั่งซาวด์เทรกดู หรือฟังวิทยุภาษาอังกฤษ คุณคอยจับการออกเสียง ขึ้นและลงของเค้านะคะ ใน ๑ ประโยค เค้าจะเน้นเสียงคำที่เค้าให้ความสำคัญเท่านั้น พวก is ,am ,are ,the ,a ,have,could ฯลฯ ที่เป็นเวิรบช่วยทั้งหลาย เค้าจะเสียงหายไป จับได้เพียงคร่าวๆเท่านั้น เพราะฉะนั้น คุณจะได้ยินเฉพาะคำศัพท์ที่มีความหมายสำคัญในประโยคที่คุณฟัง ต่อจากนั้น ก็เอามาเดาความหมายต่อเอา(การจับศัพท์และเดาความหมายแรกๆจะช้า หลังๆมันจะออโตเมติกค่ะ) เช่น
Please spell the name of the person you want to talk to clearly.
เค้าจะออกเสียงว่า พลี๊ส (สะ)แปล (เดอะ)เนม (เอิฟเดอะ) เพอร์(เซิ่น) (ยู)ว๊อน(เถอะ)ท๊อค(เถอะ)เคลีย(ลี่)
เวลาคุณได้ยินเค้าพูดจริงๆเร็วๆก็อาจจะได้ยินแบบที่อยู่นอกวงเล็บอ่ะค่ะ อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยฟังฝรั่งพูดไม่ทัน และไม่เข้าใจว่าเค้าพูดอะไร เช่นในห้องเลคเชอร์ในมหาลัยเป็นต้น วิธีแก้ปัญหาคือควรรู้วิธีการออกเสียงแบบฝรั่งชาติที่เราไปอยู่อย่างถูกต้อง เพราะไอ้คำศัพท์ที่พี่ไทยคิดว่าตัวเองออกเสียงถูกน่ะ มันม่ายถูกเล๊ยยย
เราเองเคยคุยกะฝรั่งว่า ยูชู้ดเทคซัม วิตามิน บีทู ตาฝรั่งทำหน้าเหรอ คิดอยู่สามตลบก่อนจะเก๊ท แล้วบอกว่า โฮ๊ ไวฟ์ตามิน (กรุณาออกเสียงวีฟ์แบบมีฟอร์ฟันหน้าและหลังด้วยนะคะ)
ที่เค้าพูดๆกันให้ดูทีวีกะฟังวิทยุไม่ได้สักแต่ให้ฟังๆผ่านหูนะคะ ให้จับคำศัพท์ที่เราไม่รู้ว่าเค้าออกเสียงไงแล้วจำไว้พูดด้วย ไม่งั้นไอ้ที่ดูๆฟังๆก็ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่
ที่น่าสังเกตของการพูดแบบฝรั่งคือ การพูดเค้าจะขึ้นลงขึ้นลงเป็นจังหวะ ตอนเรียนภาษา ครูเค้าจะเคาะโต๊ะเป็นจังหวะแล้วให้ฝึกพูดเป็นจังหวะค่ะ อันนี้ให้สังเกตุการพูดในหนังฝรั่งเอานะคะ ดูมากๆจะเห็นว่าพูดเป็นจังหวะทั้งนั้น เค้าไม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเราๆกันค่ะ
เราเองมาเรียนไม่ได้เน้นแกรมม่าเลย อันนี้ต้องปรับปรุงตัวมากค่ะ พูดยังผิดแกรมม่าเพียบแต่ฝรั่งมันฟังเรารู้เรื่องแล้ว(เย้) เพราะ ๑.ท่องศัพท์ค่ะ ไม่ได้ท่องในหนังสือนะคะ คุยกะฝรั่ง พอเจอศัพท์ไม่รู้เรื่องให้ถามเค้าทันที แล้วจดและจำ เคยๆคุยกันถึงลมบ้าหมู ซึ่งเป็นคำศัพท์ทางเทคนิค แต่เค้าใช้เป็นธรรมดาเหมือนเราพูดถึงโรคลมชัก เราก็จำคำศัพท์นั้นไว้แล้วเอามาหาในดิก (เหมือนตอนเราเรียนวิชาภาษาไทยตอนป.๔ จะมีคำศัพท์ที่เรายังไม่รู้ก็ต้องมาเปิดพจนานุกรม) ค่อยๆเรียนค่อยๆสะสม เราจะมีคำศัพท์ในคลังสมองมากขึ้น ทีนี้ฟังเค้าพูดมาเราก็จะเข้าใจอะไรๆได้ง่ายขึ้น
๒.พูดๆๆๆๆๆ คุยค่ะ คุยเป็นภาษาอังกฤษกะเจ้าของภาษา อันนี้ง่ายสำหรับคนมาเรียนเมืองนอก แต่ตอนที่อยู่กะเพื่อนคนไทย เราก็พูดภาษาอังกฤษกันค่ะ
ตอนมาใหม่ๆ เพื่อนคนไทยคนนึงที่ โรงเรียนเค้าบอกเราว่า เค้าอยากฝึกภาษาอังกฤษช่วยพูดกะเค้าเป็นภาษาอังกฤษนะ เพื่อนคนไทยของเราบางคนจะนึกหมั่นไส้ว่า อะไรกันนักหนาวะ พาลไม่คุยกะเพื่อนคนนั้นไปเลย แต่เรากลับมองว่า ถึงมันจะคุยได้ช้า ต้องใช้เวลาคิด รวมทั้งรู้สึกเหนียมๆเวลาคุยกะเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ในที่สุดมันจะช่วยให้เราคิดได้เร็วขึ้น ไม่ต้องอายตอนพูดผิด พูดไปเหอะ ช่วยกันแก้ ช่วยกันสอนกันและกัน ใครมาเรียนเมืองนอกอย่ามัวไปกระจุกตัวกะคนไทยแล้วคุยภาษาไทยละกันค่ะ
๓. ดูหนัง ดูทีวี อันนี้อย่างที่บอกค่ะ ตอนนี้ดูหนังฝรั่งสบายแล้ว ฮาแตกไม่ต้องเปิดเเคปเจอร์ ไม่งั้นจะมัวจับคำศัพท์ ฟังไปเลย เจอคำน่าสนใจก็เก็บเอาไว้ในสมองนะคะ
๔. อ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากๆ อะไรก็ได้ที่เราสนใจ แม็กกาซีนก็ได้ หนังสือพิมพ์ มันยาก แต่ ถ้าเป็นเรื่องที่เราสนใจใคร่รู้จะทำให้อยากอ่านมากกว่าเดิมค่ะ อ่านเสร้จแล้วคอยดู รูปประโยคที่เค้าเขียนไว้นะคะ เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น
พอดีไม่ได้เรียนภาษาเพื่อสอบเลยไม่มีคำแนะนำเรื่องการทำข้อสอบและการเขียนค่ะ(ยังเขียนผิดแกรมม่าอยู่เลย ฮ่าๆๆ) คงมีคนมีความรู้เรื่องการเขียนมากกว่าเรามาบอกได้นะคะ
อย่างน้อยคงทำให้กระทู้นี้มีประโยชน์ขึ้นมั่ง ไม่ใช่กระทู้รกเวปไปเปล่าๆนะคะ
จากคุณ :
เกือกซ่าสีชมพู
- [
10 ต.ค. 47 04:00:31
]
|
|
|