ความคิดเห็นที่ 1 ES มันไม่ได้ใช้สปริงแบบ progressive ครับ ก็เลยเด้ง จากคุณ : GUDJA-MAN - [ 15 มี.ค. 50 05:17:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V5216133/V5216133.html จากคุณ : คนรู้จริง - [ 15 มี.ค. 50 08:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 1 สปริงรุ่นนี้ฮอนด้าแจ้งว่าเป็นโปรเกสสีพครับ 2.โท คอลโทรลนี่ล้อหลังครับ เวลาเบรคหน้ายุบ ด้านท้ายยก ล้อหลังจะหุบเข้า ทำให้เวลาเบรคดีขึ้น เเต่เวลาใช้งานทั้วไป ถ้าล้อหลังยกตัวไม่เท่ากันตามพื้นถนน มุมโทอินก็หุบเข้าไม่เท่ากัน อะไรจะเกิด? รุ่นนี้ดีไซน์ช่วงล่างใหม่ ด้านหลังต้องการพื้นที่ท้ายรถเยอะ ทำให้เหลือระยะการทำงานของช่วงยุบตัวด้านหลังน้อย สปริงเลยต้องเซ็ทมาแข็งและมีระยะยุบตัวน้อยประกอบกับโช้คก็เซ็ทมาหนืดน้อยไปจับไม่อยู่ เลยทำให้ด้านหลังเด้งมากๆ (ถ้าเซ็ทโช้คหนืดขึ้น ไม่ทำให้เด้งแต่ไม่ใช่หนุ่มขึ้นครับ เพราะสปริงยังแข็งเหมือนเดิม) 3 ช่วงล่างรุ่นนี้เทียบไม่ติดกับ eg(เตารีด),ek(ตาโต)ครับ จากคุณ : don't panic (RoAdSidE) - [ 15 มี.ค. 50 10:32:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยครับว่า civic dimension ทำช่วงล่างได้แย่ที่สุดในบรรดา civic ด้วยกันทุกรุ่น   แต่ตัวรถสวยลงตัวดีมาก จากคุณ : นายลุงหมี - [ 15 มี.ค. 50 10:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สปริงแข็ง แต่ไม่โช๊คค่อยหนืด เจอลูกระนาดแล้วรู้สึกเลยว่าเด้งอย่างชัดเจน แก้ปัญหาได้ด้วยการเปลี่ยนโช๊คครับ แล้วก็ช่วงล่างค่อนข้างเสียงดังเหมือนกันนะครับ จากคุณ : amtap - [ 15 มี.ค. 50 11:33:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ค่า k สูงกว่า  ไม่ได้หมายความว่าช่วงล่างด้านนั้นจะแข็งกว่า เพราะต้องดูตำแหน่งของสปริงด้วยว่าวางตรงไหน  ทำมุมยังไง EG หน้าแข็งกว่าหลัง  (หน้านิ่มกำลังดีแต่หลังนิ่มไป) EK หลังแข็งกว่าหน้านะครับ ES ก็กลับมาหน้าแข็งกว่าหลัง ทั้ง EG EK ES  หน้า-หลัง แข็งกว่ากันแค่เล็กน้อย  ไม่ได้ต่างกันแบบคนละเรื่อง ถ้าต่างแบบคนละเรื่องรถจะวิ่งแบบพิศดารมาก สาเหตุที่ ES มันกระเด้งแบบนั้น เนื่องจากมีใช้สปริงสั้น  แล้วโช้คด้านหลังก็สั้นมากด้วย สปริงส้น  มันกระด้างกว่าสปริงยาว โช้คสั้น  มันก็จะทำงานได้ไม่ดี ผลก็เลยดีดกระดอนแบบนั้น  ถ้าเปลี่ยนโช้คให้หนืดขึ้นก็จะลดอาการดีดได้แต่ก็ยังแข็งเหมือนเดิม ถ้าอยากให้นิ่มคงต้องเปลี่ยนสปริง สปริงรุ่นนี้  ไม่เคยได้ยินว่าเป็นแบบโปรเกรสซีฟนะครับ เท่าที่ดูก็ไม่น่าใช่เช่นกัน ช่วงล่าง ES ดูแล้วยังไงๆถ้าเบรคแล้วท้ายยก ล้อก็จะขยับไปทาง Toe out ส่วนของ EK มีกระดูกหมาคอยดึงแก้ไว้  น่าจะรักษา Toe in เอาไว้ได้ EK กับ ES จะบอกว่าใครเป็นกลางกว่า  ผมไม่รู้จะวัดจากอะไร ES พวงมาลัยทดต่ำแต่น้ำหนักฝืดมาก  ขับแล้วให้ความรู้สึกหลอกๆว่ามันใจดี แต่พอโยกไปโยกมา  หน้ามันไวแบบไม่คม  เลี้ยวให้ดียากครับ ส่วนทางด้านหลัง  ถ้าทางเรียบๆจะไม่ออกอาการ over แต่ถ้าทางไม่เรียบรถมันจะโยนจนท้ายออกเลย ของ EK  ด้านหลัง มันแข็งไปหน่อย   เวลาโยนโค้งแรงๆมันมักจะออกอาการ over แต่จะไม่หลุด ถ้าเล่นแรงมากๆก็จะหลุดทั้งลำไปเลย  แต่ถ้าเดินคันเร่งเข้าโค้งอาการ over ก็จะหายไปกลายเป็น under มาแทน จากคุณ : ton99 - [ 15 มี.ค. 50 13:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่จริง ผมก็คุยกับเพื่อนมาแล้วน่ะครับ เรื่องอาการรถ รึเกาะถนน เลยมาลองตั้งกระทู้ถามคนอื่นๆดูอีกทีครับ พอมาอ่านหลายความเห็นจากในนี้แล้ว ไม่ค่อยตรงกับที่เพื่อนผมบอกเท่าไหร่ครับ ก่อนที่จะขับไดเมนชั่น(รุ่น2.0 ที่มีพวงมาลัย EPSครับ) เพื่อนผมคนนี้ตอนเรียนก็ขับตาโต ตัวเครื่องวีเทคเลฟครับ มันบอกเทียบกับไดเมนชั่น 2.0 ที่ขับอยู่ตอนนี้ ซีวิคตาโต ช่วงล่างยวบกว่า ขับเข้าโค้งได้ไม่ดีเท่าไดเมนชั่น เคยเข้าโค้งนึงที่ 80 มันยวบๆ แล้วยางก็เอี๊ยดอ๊าด เกือบจะแย่ แต่ไดเมนชั่นเข้าโค้งนี้ที่ 80 สบายกว่า รถไม่ย้วย คุมได้ แล้วตัวตาโตวิ่งเต็มที่ 170-180 ขับแล้วมันลอยๆมากเวลาเปลี่ยนเลน แต่ไดเมนชั่น วิ่ง 200 ยังไม่รู้สึกมันลอยๆเท่าน่ะครับ ทั้งสองเป็นรถยังไม่ได้แต่งน่ะครับ แต่ตัวไดเมนชั่นมีปัญหามันเด้งๆไปหน่อย เลยหาเรื่องแต่งช่วงล่างซะเลย ทำนองนี้ครับ จากคุณ : Seal - [ 15 มี.ค. 50 15:35:25 A:124.157.156.242 X: TicketID:137762 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพื่อนเป็นคนขับรถซิ่งพอตัวครับ ประมาณว่าโค้งไหนแคบเลี้ยวไม่ได้ปกติเข้าได้ 30 มันก็จะเข้า 40+ แล้วก็ดึงเบรคมือช่วย มันบอกทำให้เลี้ยวง่ายขึ้นน่ะครับ จากคุณ : Seal - [ 15 มี.ค. 50 15:39:45 A:124.157.156.242 X: TicketID:137762 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ลองหาข้อมูลด้านเทคนิคมาอ่านดูครับ เรื่องสปริงลองถามคนที่เคยลองขับที่ฮอนด้าจัดทดสอบที่ให้สื่อไปลองขับตอนเปิดตัวครับ ส่วนเรื่องโทคอลโทลล้อหลัง ยอมเสียเงินซื้อความรู้ไม่เกิน400บาท เอารถไปตั้งศูนย์ดูครับ ล้อหลังตอนตั้งให้คนนั่งหลัง กับไม่ให้คนนั่งหลัง(ด้านหลังยกขึ้น) มุมโทล้อหลังเปลี่ยนไปอย่างไร (รุ่นนี้สเปกตั้งโทอินล้อหลัง2 ครับ มีส่วนทำให้ยางมีเสียงดังด้วยครับ) ส่วนที่คุณ Seal เล่าให้ฟังที่เวลาเลี้ยวที่ 80 แล้วมั่นใจกว่าเพราะตัวที่ขับมันเครื่อง2000ไงขับEkมัน1600 มันมีแรงบิดมากกว่า เวลาเลี้ยวมันมีแรงดึงออกจากโค้งมากกว่าก็เกาะกว่า (เดาว่าคันที่เพื่อนคุณขับออโต้ทั้งคู่) มันเหมือนคุณเข้าโค้งที่เกียร์ 5 กับเกียร์ 4 อันใหนจะเกาะกว่าครับ จากคุณ : don't panic (RoAdSidE) - [ 15 มี.ค. 50 16:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่บอกหมายถึงตัว2000พันนะครับ ที่แรงบิดเยอะกว่า ทำให้ดูเกาะกว่าที่เกียร์ D ลองให้เพื่อนคุณลดเกียร์ลงซิครับ ก่อนเข้าโค้งจะมั่นใจขึ้นไปอีกครับ D มา D3 หรือแล้วแต่รูปแบบเกียร์ครับ จะปลอดภัยขึ้นและสนุกขึ้นครับ จากคุณ : don't panic (RoAdSidE) - [ 15 มี.ค. 50 16:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณครับ ได้ความรู้เยอะเลย เกียร์เป็นออโต้ทั้งคู่นะครับ ถ้าจำไม่ผิด ตอนนี้ผมเองก็ยังงงอยู่ หลายคนจะบอกว่าช่วงล่างของ ซีวิครุ่นเก่าดีกว่า มีรูปแบบดีกว่า เป็นดับเบิ้ลวิชโบนทั้งหน้าหลัง แต่พอเวลาไปขับจริงๆ คนใช้ยืนยันว่าซีวิคไดเมนชั่นเข้าโค้งได้ดีกว่าซะงั้น แสดงว่านอกจากรูปแบบช่วงล่างแล้วยังมีปัจจัยอื่นอีกเยอะใช่มั้ยครับเรื่องที่ทำให้เกาะถนนต่างกัน จากคุณ : Seal - [ 15 มี.ค. 50 16:39:50 A:124.157.153.58 X: TicketID:137762 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รูปแบบช่วงล่าง มีผลครับ แต่ไม่ทั้งหมด ไม่อย่างนั้น รถทุกคันคงใช้ดับเบิ้ลวิซโบนกันหมดแล้ว มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆครับ จะอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ก็ได้ อธิบายด้วยความรู้สึกก็ได้อีก ซีวิค EK จัดว่าเป็นรถที่เกาะถนนดีครับ เทียบกับรถญี่ปุ่นที่ออกมาอายุใกล้เคียงกัน ในซีวิค LEV ช่วงล่างปรับให้ และเตี้ยกว่าตาโตตัวแรก 2ซม. แต่ถึงจะเป็นดับเบิ้ลวิซโบน วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จัดว่าค่อนข้างบอบบางมาก มีกันโคลงหน้าขนาด 22มม. ทางด้านหลังไม่มีครับ (ญี่ปุ่นมีให้ในบางรุ่น) จะว่าเป็นการลดต้นทุนก็ได้ เพราะจุดประสงค์ของคนใช้รถระดับนี้ในไทย ไม่ใช่เพื่อเอาไปแข่งครับ ต้องแยกตลาดญี่ปุ่นออกจากบ้านเรานะครับ ญี่ปุ่น อยากได้แรง อยากซิ่ง มีตัวเลือกจากโรงงานอยู่แล้วทั้ง EK4 หรือ EK9 แน่นอนว่าถึงจะเป็นช่วงล่างแบบเดียวกัน แต่วัสดุอุปกรณ์ต่างกันอย่างมากครับ ความแข็งแรงของตัวถัง การบิดตัวอะไรก็ไม่เท่ากันแล้ว เพราะจุดประสงค์ออกแบบมาต่างกับรถบ้านครับ ในบ้านเรานั้นซีวิค EK ตาโต ดูจะบอบบางกว่า EG ด้วยซ้ำไป (สงสัยเห็น EG ขายดีแล้ว เลยลดต้นทุนเยอะไปหน่อย) ซีวิค ES จำได้ว่าตัว 1.7 กับ 2.0 มันก็เซทช่วงล่างมาไม่เหมือนกันครับ ตัว 2.0 เหล็กกันโคลงหน้าจะเล็กกว่า 1.7 นิดนึงด้วย ตัว 2.0 ให้ยางหน้ากว้าง 195 มาด้วย บวกกับตัวถังใหม่ที่มันน่าจะทำมาให้แข็งแรงขึ้นกว่า EK แล้ว ก็เป็นไปได้ครับ ที่มันจะให้ความรู้สึกเกาะถนนกว่าโดยเฉพาะทางตรง ซีวิค ES ต้องออกแบบมาเพื่อรองรับความเร็วที่ทำได้มากขึ้นกว่าตัวตาโต ขับสัก 200 ตัวถังที่แข็งแรงกว่ามีผลมากครับเรื่องการทรงตัว แต่ฮอนด้าดันเซทช่วงล่างมาไม่ค่อยลงตัว ทำให้รถขับแล้วกระเด้งมากๆจริงๆ ยิ่งในตัว 1.7 ที่ออกมาแรกๆ ไม่รู้นะครับว่าที่ประเทศอื่นเค้าเป็นกันรึเปล่า ส่วนเรื่องขับแล้วจะบอกว่ารุ่นไหนมันเกาะกว่า ก็ไม่ถือว่าแปลกครับ เพราะมันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวคนขับด้วย ว่าเข้ากับรถอะไรได้ดีกว่า รูปแบบช่วงล่าง มีผล แต่ไม่ใช่ว่ารถทุกคันต้องทำให้มันซับซ้อน แล้วถึงจะดีครับ รถที่มีช่วงล่างชั้นดีแบบ BM E46 ช่วงล่างด้านหน้ายังไม่ถือว่าซับซ้อนเหมือน EK เลยครับ  แต่วัสดุที่ใช้ และเซทตัวรถ ทำให้การขับขี่ออกมาผิดกันได้ครับ อย่างซีวิค Type R EP3 ก็ใช้ลักษณะช่วงล่างรูปแบบเดียวกับ ES บ้านเราเนี่ยแหละครับ แต่รถทั้งคันเซทมาคนละเรื่องเลย ทั้งบอดี้ ช่วงล่าง เครื่อง เกียร์ เวลาเอารถเดิมๆมาวิ่งในสนาม กลายเป็นว่าเร็วกว่าพวกรุ่นเก่าที่ใช้ช่วงล่างดับเบิ้ลวิซโบนอย่าง EK9 DC2 ซะอีก ทั้งยังได้รับการยอมรับจากนักทดสอบว่า ช่วงล่างแบบใหม่(ที่รูปแบบดูแล้วแย่กว่าเดิม) กับตัวถังที่แข็งแรงขึ้นมากๆ ทำให้เกาะถนนมากกว่าเดิมอีกด้วยนะครับ แต่อย่าลืมว่าการเปรียบเทียบ จะเอารถบ้านเราไปเทียบกับรถนอกไม่ได้นะครับ อย่างซีวิค ES บ้านเราถึงจะบอกว่าช่วงล่างมันก็แบบเดียวกับ EP3 DC5 แล้วมันจะเกาะมากมาย จะดีกว่าซีวิค EK ก็ไม่ใช่นะครับ ต้องเข้าใจครับว่ารถที่ทั่วโลกยอมรับว่ามันเจ๋งคือตระกูล Type R ยังไงมันก็ไม่ใช่ซีวิค Type ธรรมดาครับ จากคุณ : โม้สะบัดเลยผม (แอ็คชั่น9 เห่า10) - [ 15 มี.ค. 50 19:07:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ES 2.0 ไม่เคยขับครับ  ที่ผมพูดคือตัว 1.7 ek กับ es 1.7   ek เซ็ทมานิ่มกว่าตอนเลี้ยวรถจะเอียงมากกว่า   จะบอกว่ายวบกว่าก็ไม่ผิด แต่เอียงมากกว่าไม่ได้แปลว่าเกาะน้อยกว่า  แต่หลายคนจะฟันธงว่ารถเอียงมากเกาะน้อยกว่า ที่เพื่อนคุณเทียบ  ผมไม่รู้ว่ารถสองคันใช้ยางกันต่างขนาดไหน ek ใช้ยาง 185/65R14  ยางเบอร์นี้มีแต่ยาง comfort  ดีไม่ดีไปใช่พวกมิชลินด้วย เลี้ยวแล้วยางร้องไม่แปลกเลย ส่วน es 2.0 ได้ยาง yoko รุ่นที่เกาะใช้ได้มาจากโรงงานเลย ถ้าผมจำไม่ผิดจะเป็นเบอร์ 195/60R15 ek เป็นรถที่หลายคนมักจะขับไม่ได้  เพราะว่ามันเบาและไว บางคนบอกว่ามันร่อนดูน่ากลัว ek ล้อหลังก็ตั้ง toe in 2mm ถ้าจำไม่ผิดด้านหลังของ fd ตั้ง toe in 1mm จะยังไงก็ช่าง ทั้ง es fd   เวลาเอาคนนั่งลงไป มันจะขยับมาทาง toe in ส่วนของ ek ดูไม่ออกว่าจะไปทางไหน  เพราะออกได้ 3 ทาง ถ้าใครเคยลองแล้วมันผิดจากที่ผมบอก  ก็ขอข้อมูลเอาไว้ด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผมจะผิด  ผิดตรงไหน ปีกนกสองชั้นทางด้านหน้าของ ek ตัวธรรมดา  ดูแล้วเสียเปรียบ fd แบบชัดเจน เพราะ caster น้อยกว่ามาก   รถขับหน้าสมัยก่อนไม่กล้าเล่น caster กันมากๆ ส่วนของ es ผมจำไม่ได้  แต่คิดว่า caster ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ถ้า caster พอๆกัน  ปีกนกสองชั้นจะทำผลงานได้ดีกว่า เรื่อง ek9 กับ ep3 อย่าลืมนะครับว่า ek9 มันเครือง 1600 185ม้า ส่วน ep3 เครื่อง 2000  200ม้าเลย มาคู่ DC2  DC5  เครื่องก็ต่างกันอีก ช่วงล่างพวก ep3 dc5 อาจจะดีกว่า  แต่ผมว่าก็ไม่ได้เจ๋งกว่ากันสักเท่าไหร่ ดูวิ่งๆกันในโค้งก็ไม่ต่างอะไรกัน แต่พวกรุ่นเก่าจะมาโดนก็ทางตรงนี่แหละ  แรงต่างกันเยอะจริงๆ เครื่อง honda รุ่นเก่าๆ  ม้าน้อยกว่า  แถมแรงบิดรอบกลางๆก็ไม่ดีเลย แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 50 01:08:38 จากคุณ : ton99 - [ 16 มี.ค. 50 01:07:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 #9 ตรงนี้แย้งนะครับ // เวลาเลี้ยวมันมีแรงดึงออกจากโค้งมากกว่าก็เกาะกว่า // ตรงนี้ มันคนละเรื่องกันเลยนะครับ   logic ไม่ถูกครับ แรงดึงออกจากโค้ง กับการเกาะถนน traction ของยาง มีจำกัด ถ้าเลี้ยวจนหมด traction ก็จะเบรกไม่ได้ ถ้าเบรกเต็มที่ ก็จะ เลี้ยวไม่ได้ ในเมื่อคุณใช้ traction ไปกับการเลี้ยวแล้ว ก็จะเหลือ traction สำหรับ การเร่งอีกนิดหน่อย ถ้าเครื่อง 1.6 สามารถปั่นล้อ ไปจนถึง limit นั้น แปลว่า 2.0 ก็ออกโค้งได้เท่ากับ 1.6  เพราะ 2.0 ไม่สามารถเดินคันเร่งได้เต็ม     ถ้า 2.0 กดคันเร่งเต็มในโค้ง ก็ทำให้ ยาง lost grip ไถลออกไปอีก  กลายเป็นไม่เกาะ ใหญ่เลย รถเกาะโค้ง ... กับ รถมีกำลังสูง คนละเรื่องกันครับ จุดประสงค์ของการ downshift  เพื่อให้ ใช้กำลังออกโค้งได้เต็มที่   ไม่ใช่ ให้เข้าโค้งได้เกาะขึ้น จากคุณ : ถัง - [ 16 มี.ค. 50 01:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆก็พิสูจน์ยากครับ ว่าคันไหนช่วงล่างดีกว่ากัน แต่รุ่นใหม่ๆคงได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะเค้าก็ต้องพัฒนาอะไรที่เป็นจุดอ่อนของตัวเก่าอยู่แล้ว ยิ่งเป็นรถรุ่นพิเศษแล้วล่ะก็ การผลิตของรถแต่ละรุ่นก็แตกต่างกันด้วย EK9 DC2 เป็นรุ่นพิเศษ ที่ถูกโมขึ้นจากรถปกติ มีข้อจำกัดในการพัฒนาตัวรถเยอะกว่า ส่วน DC5 ตัว Type R ถูกสร้างขึ้นก่อนแล้วมาจูนดาวน์เป็นตัวปกติทีหลัง และใช้เป็นพื้นฐานของ EP3 ด้วย ข้อจำกัดมันผิดกัน ทำรถอย่าง DC5 EP3 ใส่ได้เต็มๆกว่าอยู่แล้ว แต่สื่อเค้าก็วิจารณ์กันว่ามันขาดสเน่ห์ของการเป็นรถรุ่นพิเศษที่โมจากตัวปกติไป แต่ที่ดูข้อมูล รถใหม่กว่าอย่าง EP3 DC5 ตัวถังแข็งกว่าเดิม 100 กว่าเปอร์เซ็น พวกนักทดสอบก็บอกมีผลอย่างมากเวลานำมาทดสอบในสนามครับ แต่การที่บอดี้แข็งมากๆก็อาจมีผลเสียในการนำมาใช้งานปกติครับ ในการทดสอบแบบ Touge เอารถแรงม้าราว 300 มาวิ่งกัน จับเวลาวิ่งบนเขาครับ วิ่งแบบนี้ช่วงล่างของรถสำคัญสุดๆครับ DC5 ในคลิป เครื่องเดิม 220 ps แต่งแค่ ปลายท่อ LSD มูเกน ECU เดิม ช่วงล่างบิลสไตน์ สปริงหน้า 7K หลัง 12K เบรคโปรเจคมิว ยาง RE01 ไม่รื้อของ หนักเกือบตันสอง จุดเด่นของคันนี้ ไม่อยู่ที่ความแรงและของแต่ง เพราะรถเดิมๆเลย แต่เป็นการเซทช่วงล่างของ Tetsuya Yamano นักแข่งระดับแชมป์ GT และจิมคาน่าของญี่ปุ่นครับ วิ่งแพ้ EK9 เครื่อง K20A 250ps แต่งเต็ม ตัวโชว์ของสปูน ที่หนัก 950kg ราววินาทีกว่าๆ ซึ่งสปูน EK9 คันนี้ เร็วกว่า 350Z แต่งของยาชิโอะแฟคตอรี่ซะอีก http://www.youtube.com/watch?v=amoOHPrk4J0 *ลืมไป คลิปนี้มีหลายตอนครับ แนะนำให้ดูครบเพราะมี S2000 ด้วย ซัดกันบนเขาอย่างนี้เหมือนใน Initial D ช่วงล่างไม่ดี บาล้านท์ไม่ดีจริง มีม้าอย่างเดียวเร็วไม่ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 50 04:05:00 แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 50 02:26:33 จากคุณ : Guillotin - [ 16 มี.ค. 50 02:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลองดูในคลิป จะเห็นว่ารถขับหน้าม้าน้อยกว่าอย่าง EK กลับวิ่งได้เร็วกว่า 350Z บนถนนแบบ Winding Road แคบๆบนเขา แต่การที่จะทำรถขับหน้าเร็วขึ้นได้ มันยากกว่าพวกขับหลัง ขับสี่เยอะ โดยเฉพาะค่ายที่เน้นทำให้รถเร็วขึ้นจากการมีแฮนดลิ่งที่ดีขึ้นอย่างฮอนด้า หนทางการพัฒนารถมันมีน้อยกว่าขับหลัง ขับสี่ รึรถเครื่องโต รถติดโบเยอะ รถฮอนด้าเครื่องเล็ก แถมเป็น NA และขับหน้าอีก ทำรถให้มีตัวถังที่แข็งแรงขึ้น ก็ทำให้ใช้งานปกติลำบาก พอใส่เครื่องแรงไป ก็ควบคุมได้ลำบากอีก จากคลิปจะเห็นว่าเมื่อ EK9 ใส่เครื่องแรงๆอย่าง K20Aไฮบริด 6MT เข้าไป ทำให้ควบคุมรถได้ยาก นักแข่งที่ทดสอบก็ยังพลาดได้เลย และบอกว่าควบคุมได้ยากจริงๆ ส่วนตัวผมก็ชื่นชมในรถขับหน้าของฮอนด้าครับ อย่าง Type R ทุกรุ่น มันวิ่งได้ไม่แพ้รถที่อยู่คลาสเหนือกว่าเลย จากคุณ : Guillotin - [ 16 มี.ค. 50 03:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คห.14 ปกติเวลาเข้าโค้ง เอาเป็นว่าโค้งขวาจะมีแรงเหวียงหนีศูนย์กลางไปทางซ้าย กับแรงบิดจากเครื่องยนต์ที่ส่งลงไปที่ล้อเส้นแรงจะชี้ไปข้างหน้ารถ 1 ลองเข้าโค้งที่เกียร์ n นะครับความเร็วไม่ต้องมาก40,50พอนะครับ เคสนี้ไม่มีแรงบิดของเครื่องส่งไปที่หน้ายางจะมีแต่แรงเหวียงและเกิด traction ที่หน้ายางหรือปล่าว และดูอาการรถ ที่แรงเหวี่ยงมากกว่า ใช่ครับเหมือนรถคุณมันจะเบาหวิวๆ จะตกถนนไปทางซ้าย 2 ลองเหมือนเดิมครับ แต่คราวนี้เกียร์อยู่ D3 หรือเกียร์ 3 แล้วกันเดินคันเร่งด้วยไม่ต้องมาก เคสนี้แรงบิดส่งผ่านไปที่ล้อ เเล้วดูอาการครับ ปกติรถทั่วไป ไม่ใช่รถที่แรงมาสูงๆ200-300ม้าและไม่ได้ตบครัชนี่ ที่เกียร์3,4 นี่โอกาสที่ยางจะเสียtraction ลื่น(เกินลิมิตของยาง)น้อยครับ นั่นเป็นเหตุผลด้านความรู้สึกที่คนทั่วไป ที่เห็นว่ารถที่เครื่องโตกว่ามันเกาะกว่า ยิ่งถ้าเป็นรุ่นเดียวกันเเล้วใส่เครื่องมาต่างกันนี่เห้นชัด 2.2 กับ 3 หรือ หรือ 1.6 กับ 2 เพื่อจุดมุงหมายที่ต่างกัน เพียงแต่ตัวที่เครื่องน้อยกว่าต้องรู้ข้อจำกัดและใช้เกียร์ให้ถูกตำแหน่งทั้งสองคันนั้นแหละเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นถ้าต้องการขับสนุกและปลอดภัย ควรดูด้วยครับว่าแรงบิดสูงสุดอยู่ที่รอบใหน ถ้าจังหวะนั้นมาเร็วและต้องเข้าโค้งด้วย ความเร็วรอบไม่น่าต่ำกว่ารอบที่ให้แรงบิดสูงสุดครับ จากคุณ : Don't panic (RoAdSidE) - [ 16 มี.ค. 50 09:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใช่แล้วครับรถเดิมจากโรงงาน EP3 กับ EK9 ดูแล้วมันไม่แตกต่างกันชัดเจนมากหรอกครับ ถ้ามองเฉพาะเรื่องที่วิ่งในโค้งได้ด้วยความเร็วเท่าไหร่ รถหลายคันก็คงจะแตกต่างกันไม่มากนักต่อให้เป็น S2000 ก็ยังถือว่าเร็วกว่า EP3 ไม่ชัดนัก ในสนามที่เค้าทดสอบกัน ไม่ได้เข้าโค้งกว้าง และใช้ความเร็วได้สูงมาก ถึง EP3 จะมีช่วงล่างดีกว่า เครื่องแรงกว่า แต่ EK9 ก็มีข้อได้เปรียบคือเบากว่าเยอะเหมือนกัน ถ้ามองที่ตัว P.W.R ด้วย อาจจะกลายเป็น EP3 ที่ดูเสียเปรียบ การทดสอบรถของญี่ปุ่น นักทดสอบจะมองภาพโดยรวมมากกว่า เช่น การตั้งลำออกจากโค้ง การเข้าโค้งอย่างต่อเนื่อง ความยากง่ายในการแก้อาการรถ การแสดงอาการอันเดอร์ โอเวอร์ ความต่อเนื่องของระบบส่งกำลัง และอื่นๆ เมื่อรวมๆแล้ว EP3 จะทำได้ดีกว่าชัดเจนครับ บวกกับเรื่องพละกำลังที่มากกว่าแล้วทำให้ในสนามวิ่งทิ้ง EK9 ค่อนข้างเยอะ ที่ค่อนข้างสูสีกับ EP3 มากคือ DC2 '00 Spec ครับ เครื่องแรงใกล้กัน แต่ DC2 ยังเบากว่าครับ วิ่งสูสีกันมาก จากคุณ : แอ็คชั่น9 เห่า10 - [ 16 มี.ค. 50 16:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 EK ปี99 ให้ยาง บริดโตน Premio 325 ครับ ES 2.0 น่าจะเป็น Yoko Advan A460 นับเฉพาะรถที่ออกมาจากโรงงานเลย ไม่ได้นำไปเปลี่ยนนูนนี่ออก ให้เป็นดับเบิ้ลวิชโบน ก็ไม่ต่างกับรถบ้านอื่นๆมากหรอก ผมว่า ES ได้เปรียบครับ EK ดูบอบบางมากจริง ยางก็เล็กกว่า ห่วยกว่าด้วย อยู่ที่คนขับล่ะครับ ว่าจะคุมรถได้ขนาดไหน เรื่อง EK9 รถแตนๆ เสียเปรียบ DC2 EP3 DC5 เยอะครับ บอดี้ EK9 บอบบางกว่าเยอะเลย แต่ก็ได้ปรียบเรื่องน้ำหนักตัวที่เบากว่าเยอะเช่นกัน ถ้าลองเอา EK9 วางเครื่อง B20 แต่งช่วงล่างรองรับมาเนียนๆ EP3 DC5 ก็โดนได้เหมือนกัน แต่มันก็กลายเป็นรถแต่งแข่งกับรถแตนไปซะ เมื่อก่อน Spoon จะทำแค่ขยายความจุจาก B16 เป็น B18 เท่านั้นเอง เน้นบาล้านท์ของรถ พวกสำนักแต่งแบบ Phase ก็ใส่เครื่อง B20 ใส้ Spoon ทั้งตัวเรียกแรงม้าได้ระดับ 240+ แรงม้าเหมือนกัน คันนี้ก็ใส่เครื่องแรงขนาด 250 ม้า คงต้องทำบอดี้ใหม่ระดับรถแข่งสนามแล้ว Spoon เองก็คงทำบอดี้ไปบ้างเหมือนกัน ในคลิปข้างบนนี่วิ่งกันมันมาก ผมเคยดูเต็มๆแล้ว DC5 แค่เซทช่วงล่างอย่างเดียวแต่วิ่งโคตรเนียนเลย S2000 ค่ายดังทั้งสองคันนี้แต่งมาสุดๆในญี่ปุ่นแล้วครับ จากคุณ : Run 'N Gun - [ 16 มี.ค. 50 19:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 Premio 325  มันคือ Taxi Premium ทุกวันนี้นะครับ Premio 325 เป็นรอง Premeo 65 Premeo 65 เป็นรอง Turanza ER60 Turanza ER60  เป็นรอง GIII GIII กับ Yoko Advan A460  ผมว่า GIII ก็สู้ไม่ได้อยู่ดี Yoko ตะกูล Advan นี่ไม่ธรรมดาแล้วครับ Premio 325  ไปสู้กับ Advan มันต่างกันเยอะ ถ้า 325 เกาะกว่าผมว่าแปลก ถ้าจะเทียบรถว่าใครเกาะกว่า  ถ้าเอาแบบแฟร์ๆ ต้องใส่ยางรุ่นเดียวกันหน้ากว้างเท่ากัน  ใช้กระทะล้อเดิมแต่ขยับซีรีส์ยางเอา อย่าง EK ก็จับใส่ 185/65R14  ไปเจอกับ ES ใส่ยาง 185/65R15 หรือเอา EK ใส่ 195/60R14 แล้วเอา ES ใส่ 195/60R15 ถ้าจะให้แฟร์เพิ่มขึ้นอีก   เพราะ EK มันเก่ากว่าเยอะ โช้คสปริงมันจะกลับบ้านเก่าหมดแล้ว ก็ให้ไปเบิกโช้คสปริงของใหม่มาจากศูนย์แล้วเปลี่ยนพร้อมๆกัน แล้วไปหวดโค้งกันดู จากคุณ : ton99 - [ 16 มี.ค. 50 20:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คคห17 ปล่อยเกีย์ว่างเข้าโค้ง  ที่มันไม่เกาะไม่ใช่เพราะไม่มีแรงขับที่ล้อหรอก แต่น้ำหนักรถมันถ่ายไปทางด้านหน้าออกไปทางนอกโค้ง สมดุลมันไม่ดีมันก็เลยไม่เกาะ จังหวะเข้าโค้งที่เกาะที่สุด  คือเดินคันเร่งนิดๆเอาไว้ให้น้ำหนักไม่ถ่ายมาด้านหน้า เข้าแบบนี้จะได้ความเร็วสูดสุดในโค้งเยอะสุด แต่เวลาตลอดโค้งไม่ได้ดีที่สุด จากคุณ : ton99 - [ 16 มี.ค. 50 20:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 22 การชิฟเกียร์ต่ำลงเวลาโค้ง ไม่ใช่เพื่อเตรียมรอบเครื่องรอให้ออกโค้งเร็วอย่างเดียวนะครับ มันมีประโยชน์ในการเรียกรอบมาสร้างแรงบิดให้กับเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และสร้างสมดุลให้กับรถด้วย หลักๆเลยก็การเกิดเอนจิ้นเบรคล่ะครับ นักแข่งรถเวลาเข้าโค้งยังต้องชิพเกียร์ไล่ลง 5-4-3 แล้วก็ทำฮีลแอนด์โทยัด 2 ออกโค้งเลยครับ เรียกแรงตลอด ไม่งั้นคงแค่เบรคแล้วห้อเข้าด้วยเกียร์ 5 แล้วยัด 2 เอารอบเครื่องตอนจะออกโค้งทีเดียวเลย ไม่มีใครเค้าทำอย่างนี้แน่ครับ การใช้แรงบิดเพื่อสร้างสมดุลให้รถมันเรื่องปกตินะ การแต่งคันเร่ง ตอนเข้าโค้ง นั่นก็ใช่นะครับ เป็นเรื่องพื้นฐานเลยล่ะ ที่ว่าในรถบ้านน่ะ เครื่องโตกว่าเรียกแรงบิดมากกว่าก็ตะกุยออกโค้งได้ดีกว่าน่ะ มันเป็นไปได้ครับ อย่างที่คุณ RoAdSidE ว่าไว้ เครื่องรถบ้านขับหน้า แม้จะมีทอร์คสเตียร์เยอะ แต่ที่ความเร็วไม่สูงนัก ไม่น่ามีกำลังพอจะทำให้ยางลื่นได้ ยกเว้นยางจะโล้น รึเป็นความเร็วที่เกินลิมิตจริงๆ จากคุณ : Guillotin - [ 17 มี.ค. 50 04:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าไม่ได้ต้องการเร่งเครื่องออกโค้ง อย่าไปเกียร์ต่ำให้เข้าโค้งได้ช้าลงเลย โค้งแถวบ้านผมโค้งนึง  ถ้ามาเกียร์ 5 วิ่ง 110 ไม่ต้องเบายันออกโค้งได้ ถ้าเข้าด้วย 4 ตอนเข้าต้องเบาลงมาไม่ให้ถึง 110 แต่ตอนออกส่งออกได้เร็วกว่า ถ้าเข้าด้วย 3 ต้องเบาลงมาให้ต่ำกว่าตอนเข้าด้วย 4 อีกนิดๆ แล้วต้องเดินคันเร่งๆดีๆ  ไม่งั้นหน้าไถลออกข้างครับ แต่ขับด้วย 3 ตอนออกโค้งส่งออกได้เต็มแรงรถ รถผมเครื่องแค่ 1600  แรงบิดแค่ 14 กว่าๆ ถ้าวัดที่ช่วง 0 - 70% ของโค้ง มาด้วย 5 จะเข้าได้เร็วสุดรองมาคือ 4 และ 3 ตามลำดับ แต่มาดูความเร็วตอนหมดโค้ง  ออกด้วย 3 ไปเร็วสุด ตามมาด้วย 4 และ 5 เอนจินเบรคมันได้แรงเบรคน้อยกว่าเบรครถแบบลิบลับ ถ้าใช้เพื่อดึงรถลง  ผมว่าอย่าไปใช้เลยเสียจังหวะเสียเวลาเปล่าๆ สุดทางตรงแล้วจะลง 3  ผมต้องเบรคแล้วไล่จาก 5 มา 4 มา 3 เหมือนกัน ความจริงอยากจะยัดจาก 5 ลง 3 เลย  แต่ทำแบบนั้นบางทีมันยัดเกียร์ไม่เข้า ถึงยัดได้ก็จะคุมไม่ให้เครื่องมันกระชากยาก  ไม่เหมือนแบบที่ค่อยๆไล่ลงมาจาก 5 ไป 4 ไป 3 แต่ยังไงก็ช่าง ต้องเข้า 3 ให้ทันก่อนถึง 10-20% ของโค้ง ถ้าช้ากว่านี้  สงสัยจะไถลออกนอกโค้งไปแน่ๆ เพราะแค่นี้ก็ปริมจะหลุดอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 13:23:02 จากคุณ : ton99 - [ 17 มี.ค. 50 13:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ป้าแก่ๆข้างบ้าน ไม่ได้ต้องการออกโค้งเร็ว ยังรู้เลย ว่าถึงโค้งแล้วต้องเชนเกียร์ลง เข้าโค้งด้วยความเร็วเท่าเดิม ที่รอบเครื่องและแรงบิดสูงขึ้น ให้พอเหมาะกับโค้ง ใครเค้าเข้าโค้งความเร็วสูงด้วยเกียร์ที่ทดไว้เพื่อวิ่งรอบต่ำกัน ไม่งั้นเวลาขับรถลงเขาก็ไม่ต้องใช้เอนจิ้นเบรคดึงรถดิ ใช้เบรคเท้ามันอย่างเดียวเลย เกียร์ออโต้โง่ๆของฮอนด้ายังมีระบบ grade logic เลย รู้จักรึเปล่า รึว่านึกว่ารถเก๋งมีตัวช่วยลดรอบเครื่องแบบรถบัส อย่าปล่อยไก่ทีเป็นเล้าอีกล่ะ แต่ลืมไป หน้าหนาอยู่แล้ว คงไม่อาย ใครเค้าใช้เอนจิ้นเบรคเพื่อดึงรถอย่างเดียวกัน แล้วก็คงมีแต่พวกมืออ่อนเท่านั้นล่ะมั้งที่ใช้เบรคเท้าเพื่อดึงรถอย่างเดียว ทั้งสองอย่างนี้ต้องทำงานร่วมกันอย่างไร ขับรถมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้จริงๆเหรอ? อยากรู้ว่าแรงบิดของเครื่องที่ส่งผ่านชิ้นส่วนต่างๆลงไปถึงล้อสำคัญกับการทรงตัวและควบคุมสมดุลรถขนาดไหน ลองไปถามพวกเล่นดริฟท์ มาอ่านกระทู้นี้แล้วมันเหมือนเฉลยแหะ พวกบางวัวคลับ เห็นคุยโม้เรื่องสาดโค้ง อะไรกันใหญ่โต ที่แท้ขับรถแบบนี้นี่เอง ถึงว่า ตัดเลนหาไลน์ยังเรียก สาดโค้ง เพิ่งรู้ว่านอกจากจะขี้โชว์แล้ว ยังอ่อนเบสิคมากๆ จากคุณ : ฮาดีท่าน - [ 17 มี.ค. 50 17:21:41 A:124.157.134.118 X: TicketID:122497 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รถที่ระบบขับเคลื่อนแตกต่างกัน ก็มีวิธีขับไม่เหมือนกัน เอาแค่รถ FF เหมือนกัน พอใส่ของแต่งเข้าไป อย่างแค่โช๊ค กันโคลง  LSD ต่างแบบกัน อาการรถก็ไม่เหมือนกันแล้ว คุณจะตัดสินไม่ได้หรอก ว่าขับแบบไหน ถึงจะเร็วที่สุด ที่คุณ ton99 บอกว่าวิ่งเกียร์ 5 เข้าโค้งเลยเร็วที่สุด นั่นหมายความว่า คุณคงเคยซัดเล่นแต่โค้งกว้างๆ โค้งเดี่ยว ยาวๆ ที่เข้าเป็น 100 วิ่งตัดโค้งหาไลน์เอาล่ะสิ อย่างนั้นอะไรต่างๆ ที่หลายคนข้างบนบอกมา คงไม่มีความหมาย เพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์ของรอบเครื่องเท่าไหร่ ลองไปเจอโค้ง2-3 โค้งติด โค้งตัว S แบบทางต่างจังหวัด มันจะรอดไหม วิ่งเกียร์ 5 เจอโค้ง ก็ยกคันเร่ง ไม่เปลี่ยนเกียร์ ใช้เบรคเท้าชะลออย่างเดียว ลอยเข้าไป นี่ไม่ได้ต้องการเร่งเครื่องออกโค้งเร็วนะครับ ดูสิ เข้าแบบนี้แล้วจะเป็นยังไง และถ้าใครจะแสดงความโง่ด้วยการเปลี่ยนเกียร์กลางโค้งอีก ก็ให้มันรู้ไป คุณกำลังเข้าใจผิดเรื่องประโยชน์ของการเปลี่ยนเกียร์ก่อนเข้าโค้งนะครับ ต้องทำความรู้จักและปรับความเข้าใจเรื่องการขับรถกันก่อน ว่าแต่ คุณข้างบนครับ ใครคิดว่ารถบ้านมี Retarder เหรอ งงวุ้ย **อ๋อ พอจะเข้าใจและ หุหุ  -_-"a แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 19:18:52 แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 19:11:02 จากคุณ : Run 'N Gun - [ 17 มี.ค. 50 19:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอดมาเรื่อย แล้วก็ตอดมั่วซั่ว เหมือนเดิม  Ticket 122497 เรื่อง engine brake ใช้เพื่อ อะไร ?   ใช้ตอนไหน  ? ตัวลดรอบ ที่คุณพูดถึง ทำงานยังไง รู้ไหม ? ... ถ้ารู้ .. อธิบายให้ผมฟังหน่อย   หรือว่า พิมพ์อะไรที่เป็นเหตุ เป็นผลไม่เป็น    พิมพ์เป็นแต่ ด่ามั่ว อย่าบอกว่าขี้เกียจพิมพ์   ตอนพิมพ์ด่ามั่ว ยังพิมพ์มาได้ตั้งหลายกระทู้   นี่มีเขาเขาพูดถึง ดริฟ กันรึยัง   มาพ่นๆ  ในกระทู้เนี่ย รู้เรื่องดริฟ จริงรึเปล่า ฟังแล้ว  เหมือนคุณ จะเก่งเรื่องรถมาก ๆ เลยนะ   รู้จริง ทุกเรื่องเลยผับผ่าซิ จากคุณ : ถัง - [ 18 มี.ค. 50 01:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 122497  คนอย่างนี้รู้เรื่องอะไรซะที่ไหน ฟังเขาคุยมายังจำมาผิดๆถูก   เขาคุยเรื่องอะไรกันยังไม่รู้เรื่องเลย เรื่องเกียร์นี่ก็อีกจำเขามาอีก  อย่ามาพูดเลยดีกว่า ไปลองขับมาก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน คคห25 ไปอ่านข้างบนที่ผมเขียนใหม่ดูอีกรอบ ผมบอกว่า 0-70%  สงสัยคุณจะมองไม่เห็น  ลองอ่านตรงนั้นดีๆแล้วจะเข้าใจ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ   คุณไปหารถอะไรมาก็ได้เดี๋ยวผมจะขับให้ดู ถ้าไม่อยากหารถ  ติดต่อผมมาผมจะขับให้ดูว่าขับยังไง ปกติผมขับก็ไม่ได้ตัดโค้งอะไรอยู่แล้ว  โค้ง 110 ที่ว่าวิ่งเลนนอกสุดเหมือนกันหมด ถ้าเป็นโค้ง S เกียร์ 5 มันจะเอาแรงที่ไหนส่งออกโค้ง ผมพูดแล้วว่า  ความเร็วในโค้งสูงสุด  แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้เวลาในโค้งน้อยสุด ตอนแรกคุยกันโค้งเดียว   คุณก็มาเปลี่ยนเรื่องไปโค้ง S ตกลงจะเอายังไงครับ   เอาสักเรื่องนึง จากคุณ : ton99 - [ 19 มี.ค. 50 01:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โค้งแถวบ้านผมโค้งนึง ถ้ามาเกียร์ 5 วิ่ง 110 ไม่ต้องเบายันออกโค้งได้ ถ้าเข้าด้วย 4 ตอนเข้าต้องเบาลงมาไม่ให้ถึง 110 แต่ตอนออกส่งออกได้เร็วกว่า ถ้าเข้าด้วย 3 ต้องเบาลงมาให้ต่ำกว่าตอนเข้าด้วย 4 อีกนิดๆ แล้วต้องเดินคันเร่งๆดีๆ ไม่งั้นหน้าไถลออกข้างครับ แต่ขับด้วย 3 ตอนออกโค้งส่งออกได้เต็มแรงรถ ^ ^ อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจครับ ทำไมถึงบอกว่าเกียร์ 5 เข้าได้เร็วกว่า ในเมื่อวิ่งเกียร์ 5 วิ่งเข้าได้ 110 เกียร์ 4 ก็น่าจะวิ่งเข้าได้ 110 เท่ากัน แถมยังมีแรงออกโค้งได้เร็วกว่า สบายๆอยู่แล้ว รอบเครื่องในเกียร์ 4 ก็ไม่น่าจะสูงเกินไปด้วย แล้วทำไมถ้าเข้าด้วยเกียร์ 4 ต้องเบาคันเร่งครับ ไม่เข้าใจ รถมันเกิดอาการอะไรขึ้นหรือครับ จากคุณ : Seal - [ 19 มี.ค. 50 03:24:27 A:124.157.129.226 X: TicketID:137762 ]

ความคิดเห็นที่ 29 "จะยังไงก็ช่าง ทั้ง es fd เวลาเอาคนนั่งลงไป มันจะขยับมาทาง toe in ส่วนของ ek ดูไม่ออกว่าจะไปทางไหน เพราะออกได้ 3 ทาง ถ้าใครเคยลองแล้วมันผิดจากที่ผมบอก ก็ขอข้อมูลเอาไว้ด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผมจะผิด ผิดตรงไหน " ช้าๆ ลองกับไปดูรายละเอียดเทคนิคครับ ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองเอารถไปตั้งศูนย์แล้วดูอาการอย่างที่บอกใว้ครับ ปกติรถ ES ,FD ตอนตั้งมุมโทล้อหลังเป็นโทอิน(ล้อซ้ายขวามุมเลี้ยวเข้าหากัน) พอมีคนนังหลัง(ล้อหลังยุบ)มุมโทมันจะน้อยลง (ล้อซ้ายเอียงกลับไปซ้าย ล้อขวาเอียงกลับไปขวา ) ทีนนี้ลองนึกภาพตอนเบรค ด้านหน้ารถมันจะยุบตัวลงด้านท้ายจะยกตัวขึ้น ทำให้มุมล้อหลังกลับมาเป็นโทอีก(ซ้ายขวาเลี้ยวเข้าหากัน) ทำให้เบรคดีขึ้นครับ นี่คอนเซ็ปของโทคอลโทรลลิ้งค์ครับ รถทั่วๆไปเข้าโทอินด้านหน้าครับรวมถึง eg,ek จนมาเปลี่ยนช่วงล่างใหม่เริ่ม es ครับถึงโทอินด้านหลัง ส่วนในคห.21 ถ้าภาษาเช้าบ้านก็ถูกแล้วครับ แต่มันเป็นผลมาจากแรงสองแรงที่กระทำกัน เคสแรก แรงหนีศูนย์กลางมากกว่า เคสหลังก็แรงดึงมากกว่า ส่วนถนน ลองดูทางด่วนช่วงโค้งที่จากเสาวร๊ย์ชัยเชื่อมไปแจ้งวัฒนะครับ เป็นโค้งที่สนุกครับ จากคุณ : don't panic (RoAdSidE) - [ 19 มี.ค. 50 09:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนเข้าโค้งด้วยเกียร์ 5 ได้ 110  ลองใหม่นะครับที่โค้งเดิมที่เกียร์ 4 ให้รอบเครื่องไปที่รอบที่ให้แรงบิดสูงสุด( ถ้าจะเป็นนักทดสอบรถ หรือขับให้ปลอดภัย หรือสนุก เป็นเรื่องที่ควรรู้ก่อนขับรถ) แล้วคุณจะตกใจว่าที่โค้งเดียวกัน คุณทำได้ถึง130-140 หรือมากกว่าอยู่ที่ตัวคุณแล้ว แล้วตัวรถมันจะนิ่ง ไม่เอียงเท่าเดิมด้วย แล้วนึกดูว่ามันเกิดจากอะไร  ส่วนปัญหาเครื่องช่วงล่างระบบนี่ ถ้าถนนเรียบๆแบบในสนาม ไม่มีปัญหาแต่ถ้าถนนไม่เรียบ มีรอยต่อ ยิ่งช่วงโค้งแล้วมีรอยต่อ น้ำขัง หรือที่ทำให้ล้อหลังยกตัวไม่เท่ากัน(ทำให้มุมเลี้ยวล้อหลังไม่เท่ากัน)นั่นแหละ ถึงมีบางคนที่จับอาการได้ที่บอกมันสบัดหรือแปลกๆ จากคุณ : don't panic (RoAdSidE) - [ 19 มี.ค. 50 10:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #29 มีผลตั้งศูนย์มาให้ดูไหมครับ ถ้าไม่มีพูดแบบไม่มีที่มาที่ไปผมว่าแปลกๆนะครับ ผมถามหน่อย  ล้อหลังยุบ  มันจะเพิ่ม Toe in ได้ยังไง ตำแหน่งล้อ มันขยับเข้าหรือออก จุดยึด link ตามยาว ขยับเข้าหรือออก ไม่เอาคำพูดสไตล์แคตาล็อครถยนต์นะครับ 30# ผมไม่รู้ว่าคุณเอาอะไรมาพูดนะครับ โค้งนี้  รถที่ผมเห็นว่าไปได้เร็วที่สุดคือ im ตาเหยี่ยว ไปได้ 120 หน่อยๆ ถ้ารถผมไปได้ 130-140  สงสัย im evo คงไม่มีใครขับ ผมพูดไปรอบ  คิดว่าคุณคงอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ผมจะเรียบเรียงใหม่ได้ดูง่าย เกียร์ 5 เข้าได้ 110 ตั้งแต่เริ่มโค้งยัน 50% ของโค้ง เกียร์ 4 เข้าได้แค่ 100 กว่าๆ  แต่สามารถเร่งให้ได้ 110 ก่อนออกจากโค้งได้ เกียร์ 3 เข้าได้แถวๆ 100 แต่ตอนออกส่งไปได้มากกว่า 110 ผมกล้าท้ามาสาดโค้งนี้นะครับ  โดยให้ขับรถผม ถ้าสาดได้ 135 ผมยกรถให้ไปเลย  เพราะผมเห็นคุณบอกว่าไปได้ 130-140 แต่ก่อนสาด  เอาเงินมาวางไว้ 3 แสนด้วย ถ้ารถผมเป็นอะไรไป   ผมจะได้เอาเงินไปซื้อรถใหม่ รถธรรมดาแบบรถผมขับได้เกิน 110 ผมก็นับถือว่าเก่งแล้วครับ 130-140  เวอร์ไปครับ   พูดได้แต่ทำไม่ได้ ถ้าผมท้าแล้วมันดูแรงไป   ก็ไม่ต้องสนใจก็ได้ มานั่งรถผมเดี๋ยวผมจะขับให้ดูครับ  ว่าขับยังไง ถ้าขับแล้วได้มากกว่าผม  ผมจะนับถือครับ ผมชอบนับถือคนเก่งครับ จากคุณ : ton99 - [ 19 มี.ค. 50 17:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ Ton99 ลืมตอบคำถามผมที่ คคห28 น่ะครับ ไม่เข้าใจจริงๆครับ ทำไมเกียร์ 4 วิ่งเข้า 110 ไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับรถ อธิบายให้ฟังหน่อยครับ จากคุณ : Seal - [ 19 มี.ค. 50 17:34:41 A:124.157.158.48 X: TicketID:137762 ]

ความคิดเห็นที่ 33 พอเห็นแบบนี้ คงเปล่าประโยชน์ที่จะพูดแล้วครับ ไม่เคยมีใครสักคนพูดว่าเป็นโค้งเดียว คุณเข้าใจของคุณไปเอง และคุณ ton99 เองไม่ใช่เหรอ ที่บอกว่า "ถ้าไม่ได้ต้องการเร่งเครื่องออกโค้ง อย่าไปเกียร์ต่ำให้เข้าโค้งได้ช้าลงเลย" คุณเองยังมองเห็นแค่ว่า เข้าเกียร์ต่ำลงเพราะต้องการออกโค้งเร็ว และคุณเองก็ไม่ได้บอกว่ามันใช้กับโค้งแบบไหน พอผมยกโค้งตัว s มา กลายเป็นไม่เกี่ยวซะงั้น ถ้ามีใครที่ไม่รู้เรื่อง มาอ่านแล้วเค้าไปปฎิบัติตามแบบที่คุณ ton99 บอกในโค้งแบบอื่น ที่ไม่ใช่โค้งกว้างล่ะครับ มันอันตรายนะครับ ขนาดผมยกโค้งตัว S มา โดยบอกว่า "นี่ไม่ได้ต้องการเร่งเครื่องออกโค้งเร็วนะครับ" คุณยังเถียงว่า "ถ้าเป็นโค้ง S เกียร์ 5 มันจะเอาแรงที่ไหนส่งออกโค้ง" ทำไมถึงยังคิดได้แค่นั้น อะไรๆก็แรงส่งออกโค้ง ลืมไปแล้วรึเปล่า ว่าตอนอยู่ในโค้งบางแบบ ไม่ใช่ต้องการแค่แรงส่งออกโค้ง การเปลี่ยนเกียร์เรียกรอบก่อนเข้าโค้ง ก็สร้างกำลัง ทำให้สามารถใช้คันเร่ง คอนโทรลรถได้ดีกว่าวิ่งในเกียร์สูง ในระหว่างเข้าโค้งอย่างโค้งต่อเนื่องหรือแบบตัว s  แสดงให้เห็นว่า แรงที่ได้มาจากการเปลี่ยนเกียร์ต่ำลง ไม่ได้ช่วยเฉพาะตอนส่งออกโค้งอย่างเดียวสักหน่อย คุณลืมการเลี้ยงคันเร่งควบคุมรถที่คุณบอกไปใน คคห21 ไปซะแล้ว การเข้าโค้งตัว s ไม่ใช่เปลี่ยนเกียร์ลงเพราะต้องการแรงส่งออกโค้งอย่างเดียวเสมอไป การใช้แรงและรอบที่เหมาะสมเลี้ยงรถระหว่างอยู่ในโค้ง สำคัญยิ่งกว่าการพุ่งออกโค้ง แต่คุณกลับไม่เคยนึกถึงเลย ใครกันแน่ครับ ที่อ่านไม่เข้าใจ สุดท้าย ก็อย่าลืมตอบ คำถาม จขกท. ข้างบนด้วย และอย่าเหมารวมอีกครับว่า "จุดประสงค์ของการ downshift  เพื่อให้ ใช้กำลังออกโค้งได้เต็มที่" มันไม่ใช่กับทุกโค้งครับ จากคุณ : Run 'N Gun - [ 19 มี.ค. 50 18:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบ 28# ยางมันหมดแรงเกาะไงครับ เกียร์4 แรงขับมากกว่าเกียร์5  ยางหมดแรงเกาะก่อน  ไม่แปลกนะครับ #33 /// ถ้ามีใครที่ไม่รู้เรื่อง มาอ่านแล้วเค้าไปปฎิบัติตามแบบที่คุณ ton99 บอกในโค้งแบบอื่น ที่ไม่ใช่โค้งกว้างล่ะครับ มันอันตรายนะครับ /// คนที่จะเปลี่ยนเกียร์ยัดโค้ง  ต้องรู้เรื่องกันพอควรแล้วครับ ถ้าไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็เบรคให้เบาลงไงครับ เอาแค่เบรคพอ  เกียร์ยังไม่ต้องไปเปลี่ยนมันหรอก  เดี๋ยวจะหลุดโค้งไปไหนต่อไหน คุณคิดว่าคนที่ขับรถแบบไม่รู้เรื่องเข้าเกียร์5 แล้วหลุด  เข้าเกียร์4 จะไม่หลุดหรือครับ ผมถามหน่อยเถอะ  ถนนทั่วๆไปมันมีโค้ง S  ตรงไหนบ้างครับ ถ้าพูดถึงเรื่องเข้าโค้ง  ก็ต้องว่ากันโค้งเดี่ยวๆกันก่อนอันดับแรก คงไม่มีใครเปิดมาก็คุยถึงโค้ง S หรอกครับ ผมว่าคุณเป็นคนที่เข้าใจอะไรยาก  หรือไม่ก็จ้องจับกันอย่างเดียว เพราะเรื่องการคุมน้ำหนักรถ  น่าจะเข้าใจกันเป็นพื้นอยู่แล้ว ไม่น่าให้พูดซ้ำบ่อยๆ ผมว่าคุณน่าจะเคยลองขับเข้าโค้งที่เกียร์สูงดู คุณจะเห็นใช่ไหมว่าพอเลยกลางโค้งไปแล้ว  ความเร็วมันจะตกลง เอาว่าเป็นโค้ง S แบบที่คุณเลือกมาก็ได้ ถ้าขับแบบธรรมดามันก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย  เพราะความเร็วมันต่ำลงไปแล้ว แต่มันช้าแค่นั้นเอง   ถ้าขับแบบชาวบ้านๆ จะปลอดภัยกว่าพวกที่ยัด 3 เข้าโค้ง โค้งที่ไปได้ 110  ผมว่ามันไม่กว้างแล้วนะครับ โค้งแบบนี้ผมว่ามันค่อนข้างแรงที่หาได้ตามถนนแล้ว แรงกว่านี้ก็เป็นโค้งที่แคบจริงๆ  หรือไม่ก็โค้งตามถนนเล็กๆแล้ว ตอนนี้คุณไปคุยเรื่องโค้ง S แล้ว ตกลงว่าโค้ง 110 แบบที่ผมบอก คุณยอมรับแล้วใช่ไหมว่า  มันเป็นอย่างที่ผมบอก จากคุณ : ton99 - [ 19 มี.ค. 50 21:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โธ่ แถอีกแล้ว ไม่บอกโค้งแบบไหน มันก็เหมือนเหมารวมว่าทุกโค้งนั้นแหละ จะมีคนพูดเรื่องโค้ง S จะแปลกอะไร ใครกันหนอ ที่เข้าใจอะไรยาก ไอ้ที่บอกยางหมดแรงเกาะ ปัญญาอ่อนแล้วครับ ที่แค่เปลี่ยนเกียร์เป็น 4 ก่อนโค้งแล้วยางจะหมดแรงเกาะตั้งแต่ต้นโค้ง จนต้องยกคันเร่ง ซีวิคนะครับ ยาง G3 ใช่มั้ย แค่ตบเกียร์ลงก่อนโค้ง นั้นยังไม่ได้เริ่มใช้ grip เลย ไม่อย่างนั้นรถแรงมากกว่า ช่วงล่างอย่างหรู ตั้งศูนย์แบบรถสนาม แต่ใช้ยางรุ่นเดียวกับคุณ ยางมันไม่หมดแรงเกาะเร็วกว่าอีกเรอะ คงไม่ต้องเข้ากันแล้วโค้ง ถอดยางเฮงซวยที่ใช้อยู่ทิ้งไปเถอะครับ ถ้ามันห่วยขนาดนั้น แค่ใช้รอบสูงขึ้นนิดนึง ยางมันจะหมดแรงเกาะ มันคงหมด grip ตั้งแต่วิ่งมาทางตรงก่อนเข้าโค้งแล้ว ขำครับ อ่านการ์ตูนมากไปป่าว จากคุณ : เบื่อแล้ว (Black Monkey) - [ 19 มี.ค. 50 22:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เซียนเครื่องยนต์ และแข่งรถหลายท่าน เล่นเวปบอร์ดอยู่บางเวป ไม่เคยแม้แต่จะมาตั้งกระทู้แสดงความรู้ อวดภูมิ ไม่ต้องมาท้าพิสูจน์กับใคร ใดๆทั้งสิ้น แต่ทุกคนที่เคยเห็น เคยพบเจอ หรือรู้จัก กลับให้เกียรติและยกย่องว่าเป็นของจริง แม้แต่ระดับกูรูด้วยกันเอง ก็ยังยกย่องและให้เกียรติกัน แต่กับคุณหรือพรรคพวกคุณทั้งหลาย ที่เวลาแต่ละคนในกลุ่มมาตอบ ต้องตอบคล้อยตามกัน ไปทางเดียวกันเสมอ ไม่ว่าพวกคุณจะทำอะไร จะต้องโชว์ความรู้ อวดภูมิ โชว์ว่าข้าแน่ ข้าเก่ง ข้ากล้า ใครทำอย่างข้าได้ ก็ติดต่อมา จะต้องตอบกระทู้แบบฟันธง ใครค้าน ก็จะต้องท้าทายให้มาแสดงให้ดูว่าทำได้เหมือนตนรึเปล่า ไม่ว่าคุณจะพยายามทำอะไรสักเท่าไหร่ ทำไมพวกคุณถึงไม่เคยได้มาซึ่งการยอมรับ ยกย่อง และการให้เกียรติ คุณเคยคิดไหม ว่าทำไม มีสักกี่คน ที่ไม่รู้จักพวกคุณเป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับพวกคุณ เพราะผมเห็นส่วนใหญ่ที่จะยอมรับพวกคุณ ก็คือพวกกัน เพื่อนกัน แต่เวลากล่าวถึงพวกคุณ ที่เวปอื่น กลับเป็นว่า เค้าเหล่านั้นมองพวกคุณเป็นพวกกระจอก ไก่อ่อน ชอบโชว์พาว กระทำเหมือนเด็กเล่นขายของไปซะอีก ถึงแม้พวกคุณจะบอกว่าการยอมรับและการยกย่อง ไม่ใช่สิ่งจำเป็น และต้องการสำหรับพวกคุณ ก็อยากจะให้พวกคุณลองมองดูบ้าง ว่าสิ่งที่พวกคุณกำลังกระทำอยู่ คุณคิดว่าดีแล้วจริงหรือ จากคุณ : ผมขอตอบเพียงเท่านี้ - [ 20 มี.ค. 50 02:18:55 A:124.157.152.216 X: TicketID:135571 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถึงได้บอกให้กลับไปดูรายละเอียดดีๆก่อนไง ดูแค่ผลตั้งมันจะบอกอะไร ผลมันจะบอกแค่รถคันนั้นโทอินเท่าไร มันไม่ได้บอกว่ายกตัวขึ้นเปลี่ยนไปแบบใหน อันนั้นเราจะรู้ตอนที่กำลังวัดครับถึงได้บอกให้ไปลองดูครับ ส่วนเรื่องไปลองรถยินดีครับ ไม่ถือว่าแรงไปครับหนุกๆครับ ถ้าโค้งที่ว่า เกียร์ 5 คุณทำได้ 110 เดียวผมให้เบอร์ไปครับ 2 ตัวหลังนี่หลังไมค์ไปครับ 08-5098-47-- ควรก่อนเมษาไม่งั้นต้องลากไปพฤษภาครับ อ้อไม่เสาร์ก็อาทิตย์ครับจะสะดวก จากคุณ : don't panic (RoAdSidE) - [ 20 มี.ค. 50 15:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนคนอื่นอย่าถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระนะครับ เพื่อนมีเยอะแล้วก็มีได้อีกครับ  หาเพื่อนกินเบียร์ครับพอดีมีหลงอยู่หนึ่งถังไฮเนเก้นสดครับ ถ้าว่างก็เชิญด้วยครับ จากคุณ : don't panic (RoAdSidE) - [ 20 มี.ค. 50 15:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คนเก่งแต่ไม่ทำประโยชน์ให้ใคร  ก็ไร้ประโยชน์ เก่งแบบสุดยอด  แต่ไม่ได้ทำให้ผมเก่งขึ้นผมก็แค่ดูแล้วเฉยๆ บางคนเก่งไม่มาก  แต่มาทำให้ผมเก่งขึ้นแบบนี้ผมนับถือครับ คนเก่งๆมีเยอะ  แต่บางคนไม่ชอบพูด เพราะพูดไปต้องเจอแขวะเจอด่าให้เสียอารมณ์  เปลืองตัวเปล่าๆ แบบพวกผมนี้ไม่เก่ง  ไม่ต้องไปแคร์หน้าตาอะไรมาก ลองผิดลองถูกเดี๋ยวก็ถูกเอง   ถ้าด่ามาก็ด่าไปไม่เห็นต้องกลัวอะไร แบบที่ คคห36 พิมพ์มา  ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับกระทู้ พูดจาดูเหมือนว่าเก่ง  แต่เก่งจริงหรือเปล่า  ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าพูดจาถากถางเก่ง คุณ don't panic (RoAdSidE) เดี๋ยวผมติดต่อกลับไปครับ จากคุณ : ton99 - [ 20 มี.ค. 50 18:31:04 ]