◀ Previous Next ▶ Up ▲

witpoko.com


    ฮ้า เพิ่งรู้นะเนี่ย คนในนี้ไม่ค่อยชอบ/อิน "เขาชนไก่" ผมชอบนะครับ ลองมาฟังจิว่าทำไม.... (แอบมี Spoil กั๊กกะกาวน์ด้วยโฮะๆ)

    ตอนแรกผมก็ค่อนข้างจะต่อต้านนะครับ เพราะที่นึกคิดไว้ก็คือ อ๋อ ก็คงจะเป็นหนังวัยรุ่นประเภทเดิมๆ มีต่อยมีชกกัน แล้วยังมีการนำเพลง ร.ด. ของ Paradox มาใช้อีก ซึ่งตอนได้ดูตัวอย่าง ผมก็มองว่า การตลาดแบบนี้มันช่างเลวร้ายยิ่งนัก! ผมรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นแบบเดียวกันแล้วกับหนังเรื่อง Seasons Change ที่ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องเอาเพลงมาโปรโมท มาหลอกล่อกันขนาดนั้น ผมก็เลยไม่ดูมันเลยครับ ^_^ เพราะเหตุผลทางการตลาดนี่เองที่ทำให้ผมกระอักกระอ่วนใจ ไม่อยากจะจ่ายตังค์คืนกำไรให้กับกลุ่มคนที่โฆษณาหลอกล่อคนเก่งครับ อยากให้พวกเขาขาดทุนจะได้รู้ว่า เฮ่ อย่ามาล้างสมองคนไทยด้วยกันนะ!

    เอ่อ....

    ออกไปซะไกลเลยเรา

    แต่นึกไงไม่รู้ เพื่อนผมบอกว่าอยากดูเรื่องนี้ (รสนิยมของเพื่อนคนนี้: หนังที่คนส่วนใหญ่เขาไม่ดูกัน) ผมก็พูดเล่นไปว่า เอาไหมหละ มันตอบกลับมา อย่าท้านะ

    ก็เป็นอันว่าตกลงไปดูกันครับ

    ตอนซื้อตั๋ว ผมก็พยายามจะบอกมันอยู่ว่า เฮ้ย แน่ใจเหรอ เปลี่ยนเรื่องยังทันนะ แล้วผมก็เห็นว่ามีทางเลือกอื่นๆ ที่ฟังดูน่าจะดีกว่าด้วย (มั้ยฮึ?) เช่น Letter ^_^

    ความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ชอบนะครับ ไม่ถึงขั้นประทับใจ แต่ผมว่าดีกว่าหนังหลายๆ เรื่อง (เช่นเรื่อง "ศพ" เอ๊ะ เอามาเทียบกันได้ไงหว่า เหะๆ ^_^) ผมก็ได้ความรู้สึกดีๆ กลับมาจากโรงหนัง

    แต่พอกลับมาเปิด Chalermthai ที่บ้าน กำลั้งจะป่าวประกาศเกียรติคุณเรื่องนี้อยู่เลย ก็เลยลองดูกระทู้อื่นๆ ก่อน

    ...

    ...

    ...

    อ้าว ไหงเป่นงั่นหละ

    ดังนั้นกระทู้นี้ก็เลยมีการเปลี่ยนแปลงเจตนาจากป่าวประกาศคุณความดีมาเป็นการแสดงความคิดเห็นหนึ่งความคิดเห็นหนะครับ ^_^

    ก่อนเข้าไปในโรง ความรู้ที่มีเกี่ยวกับเรื่องนี้มีน้อยนิดครับ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่อง "กั๊กกะกาวน์" มาแล้ว ดังนั้นก็เลยไม่มีอคติหรือเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อยากดู

    ผมว่าหนังเรื่องนี้มีโครงสร้างของวงเล็บน้อยๆ ที่ดีนะครับ เดี๋ยวจะงงว่ามันคืออะไร คงจำได้ตอนที่ตัวละครชื่อ "หน่อย" ไปถึงที่ค่ายตอนแรกแล้วมีคนที่กำลังจะกลับเดินผ่านมา เอานิ้วปาดคอว่า ตายแน่ๆ เอ็งต้องตายแน่ๆ แล้วตอนท้าย หลังจากที่ตัวละครที่ชื่อ หน่อย นั้นได้สัมผัสกับทุกรสของการเข้าค่ายแล้ว ขณะที่กำลังจะขึ้นรถเดินทางกลับก็ทำอย่างเดียวกันกับ ร.ด. อีกชุดที่เพิ่งมาถึงด้วย และยังไม่รวมถึง "หน้าต่างที่ถูกเปิด" ตอนต้นๆ ของเรื่อง และถูกปิดตอนท้าย เหมือนมีวงเล็บเปิด ก็มีวงเล็บปิด เป็นการตอบโจทย์ที่ดีนะครับ ซึ่งไม่เหมือนกั๊กกะกาวน์ที่ผมยังรู้สึก "เอ่อ.." มาจนถึงทุกวันนี้

    จำได้แม่นเลย มีช่วงนึงที่คู่พระนางเค้าคุยกันเรื่องภาพขาว-ดำ ผมว่าอารมณ์ของฉากนั้นหนะมันดูมีคุณค่ามากเลยนะ อาจเป็นเพราะเป็นตอนแรกที่สองคนนี้ได้คุยกันจริงจัง แต่กลับไม่มีคำตอบให้กลับคำถามที่ว่า ทำไมพระเอกจึงชอบรูปขาวดำมากกว่ารูปสี รู้สึกจะตอบประมาณว่า ไม่รู้สิ นี่หละมั้งครับ ^_^

    ผมว่าเรื่องนี้มีการใส่ "มุก" (ศัพท์นี้บัญญัติในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (เขียนถูกมั้ยเนี่ย) แต่คนส่วนใหญ่เค้าก็เข้าใจกันมานานแล้วว่ามันเขียนว่า "มุข" แต่ก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ผมเข้าใจว่าว่างมาก เลยมีการแก้ไข ก็ดีนะครับ แสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงภาษาไทยของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เพราะฉะนั้นใครจะเอาเรื่องผมว่าสะกดคำผิดไม่ได้นะครับ หุหุ) ใหม่ๆ เข้าไป ที่จริงจะว่ามันเด็ดที่ตัวมุกเลยก็ไม่เชิง แต่ผมว่าที่ดีคือ "การเล่นมุก" ต่างหาก อย่างฉากยืนทำธุระที่ตัวละครชื่อ ปืน ไปยืนอยู่แล้วเป็นดนตรีบรรเลงซะเพราะเชียว แล้วก็หักหลังคนดูด้วยการเฉลยว่าแท้จริงแล้วธุระของเขานั้นมันช่างไม่ได้เหมาะสมกับเพลงที่นำมาเปิดเอาซะเล้ย และมุกบางมุกถ้าเล่นไม่เก่งผมว่าคนเล่นหน้าแตกนะ มุกที่ดูลายมือ แล้วพูดเป็นจริงเป็นจังว่าเออ ระวังฝนนะเดี๋ยวเปียก อะไรนั่น ผมว่าจังหวะดีอยู่นะครับ (เสียอย่างเดียวคือมันดันเอามาปล่อยในตัวอย่างหนังไปเรียบร้อยแล้ว) ดูแล้วมันก็ขำได้เหมือนกัน ผมชอบตรงทามาก๊อตมากๆๆ เลยนะ ตอนที่ตัวละครชื่อ อิฐ เล่าเรื่องเก่าๆ ให้ หน่อย ฟัง แล้วบอกว่า อีก 3 วันมันก็ตาย มีเสียงหัวเราะมาจากที่นั่งด้านบนๆ ผมก็ เฮ้ย นี่มันน่าฮาหรือ มันหมายถึงคนม้าง (ตอนนั้นยังโดนหลอกอยู่ ^_^) พอบอกว่าทามาก๊อตก็ โอ้ โดนหักหลังเสียแล้ว ^_^

    เมื่อกี้ได้พูดเรื่องเพลงไปบ้าง ได้พูดไปแล้วว่า ผมค่อนข้างจะต่อต้านหากเอาเพลงที่จะดึงดูดคนให้มาดูหนังกันมาใช้ แต่เรื่องนี้ เท่าที่จำได้มีเพลงเดียวนะครับที่ดูเหมือนดึงคนเข้ามาดูคือเพลง ร.ด. ของ Paradox (เมื่อกี้แอบพิมพ์ผิดว่า เพลง ทาส เอ จิตคิดอะไรอยู่ หุหุ ^_^) เพลงที่เหลือในเรื่องเป็นเพลงบรรเลงทั้งนั้น แล้วผมว่าทำออกมาได้ดีกว่าเพลงบรรเลงในหนังเรื่อง "13 เกมสยอง" ด้วยซ้ำ เรียกว่าลงตัวในแบบของมันก็ได้ ^_^

    ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากเรื่องนี้มากนะครับ เพราะก็ต่อต้านเล็กน้อยตั้งแต่ก่อนดูแล้ว คิดว่าเนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรมาก แต่ผมว่าเรื่องนี้สร้างปมได้ดี แล้วก็ค่อยๆ มีการคลี่คลาย ทำให้หนังชวนติดตามว่ามันจะจบอย่างไร ไม่สิ จบอย่างไรเนี่ย มันพอจะเดาได้อยู่แล้ว แต่ว่ามันจะจบลงตามแบบที่มันควรจะเป็นด้วยแนวทางหรือวิธีไหนหรือมากกว่า

    ปมที่น่าสนใจคือว่า ตัวละครที่ชื่อ อิฐ เนี่ย เป็นยังไงหนอ มีปูมมีความเป็นมาอย่างไร แล้วทำไมมันถึงไม่ค่อยคบหาสมาคมกับใคร แล้วมันก็ค่อยๆ ถูกคลี่คลายอย่างช้าๆ แต่ไม่น่าเบื่อ ระหว่างที่หนังดำเนินไป และเหมือนมันจะกลับมามีความเค้นและความเครียด (อันนี้ไม่เกี่ยวกับ Stress และ Strain ในวิชา Physics นะครับ ^_^) ในตอนท้ายๆ อีก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

    ยังไม่รวมการที่ บ๊อบ คันไม้คันมือนึกอยากแกล้ง อิฐ และทำให้เรื่องมันต้องเลี้ยวไปในทางที่แตกต่างออกไป แล้วก็เด็กช่างกล (ใช่มั้ยฮึ ผมก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนกันแน่อะนะครับ แต่เหมือนอ่านมาจากอีกกระทู้นึง เขาบอกอย่างนี้) ที่จ้องจะทำลาย อิฐ ด้วย แล้วก็มีเรื่องธงที่สามารถไปเชื่อมกับเรื่องที่ อิฐ ทำตัวลึกลับได้อีก ผมว่าเรื่องนี้หลวมไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไปเลยนะครับ ตรงกันข้าม กลับชื่นชมว่า ฮ้า ดีเกินคาดนะเนี่ย ^_^

    ตัวละครผมว่าวางได้สมดุลดี หน่อย ที่เหมือนจะเป็นตัวเอก ก็ไม่เชิง เพราะเหมือนมีคนอื่นๆ มาถ่วงดุลด้วย ทำให้ดูเหมือนไม่มีใครเด่นกว่าใคร มันไม่เหมือนเรื่องบางเรื่องที่ต้องมากาหัวคนนั้นคนนี้ว่า เอาหละ ต่อไปนี้ คนนี้จะเป็นตัวนี้นี้นี้ของกลุ่ม เป็นตัวแบบนั้นแบบนี้ประจำกลุ่ม อะไรก็ว่าไป

    แล้วผมว่านักแสดงอยู่ในระดับดีครับ ไม่มีใครในเรื่องที่ทำให้รู้สึกสะดุด ตอนท้ายๆ ผมว่ามันดูไม่ร่ำไห้จนเกินไป ไม่มีนักแสดงคนใดแสดงเกินกว่าใคร

    แต่ที่เขียนมาตั้งนานและทั้งหมดนี่อาจจะไม่มีความหมายสำหรับคุณๆ ที่กำลังอ่านอยู่เลยก็ได้ครับ!

     
     

    จากคุณ : บ่ายโมงตอนเช้า ฉันนั่งยืนคุย - [ 25 พ.ย. 49 21:02:21 ]

 
 



กระทู้ยอดนิยม