ความเครียด จะเกิดขึ้นเมื่อความคาดหวังกับความเป็นจริง ห่างกัน
มีวันนึงผมรีบมากรถก็คับคั่ง เลยขับไข้วเลนไปมา มีรถขยะคันหนึ่งขวางหน้าแถววงสว่าง ก็ตีขวาออก ขับสลับเลนไปมาได้สักพักผ่านไปสัก2กม แถวประชาชื่นปรากฎว่ารถขยะคันเดิมเขยิบแซงไปได้นิ่มๆทั้งๆที่เขาขับเรื่อยๆไปตามเรื่องไม่ได้สนใจผมด้วยซ้ำ
ผมก็พลันนึกออกว่าจริงๆแล้วการเปลี่ยนเลนไปมาไม่ได้เวลาเพิ่มขึ้นมาเลย เต็มที่ก็ได้เวลาเพิ่มมาแค่5-10นาทีเท่านั้นแต่เสี่ยงกับอุบัติเหตุ และตอนเราขับแบบนั้นมันเครียดโดนด่าแม่และด่าแม่เขาอีกตะหาก จากคนธรรมดากลายเป็นคนดูเลวไปเลย เวลาที่ได้มาก็ใช้ได้แค่ดูโฆษณาทีวีช่วงเดียวเท่านั้น
เคยไปเยอรมันมาเห็นพวกเขาขับกันไม่เปลี่ยนเลนเลย ขนาดเลนข้างๆว่างเกือบ50เมตร ก้อไม่แหงะออกแหงะเข้า
ตรงกันข้ามกับบังคลาเทศ รถทุกคันต้องมีรั้วกันชนรอบคันใครปาดมาอยู่ข้างหน้าได้ชนะมีไฟแดงแต่ใช้ไม่ได้ไม่มีใครสนไฟแดงตำรวจต้องใช้ไม้เรียวเคาะเอาตามสี่แยก มั่วสุดๆ
มากรุงเทพ พอขับทิ้งคันหน้าหน่อย ก้อเจอเพื่อนแหงะเข้ามาให้หงุดหงิด ไม่อยาดเจอตัดก็ต้องขับแบบจี้ๆแล้วเบรคเอา แต่พอข้างๆเราว่างสัก2คันรถ เราก้อจะปาดเข้าไป ให้คันหลังเบรคเอาหน่อย แต่ไม่เป็นไรนิดหน่อย
พวกเราต้องเป็นแบบนี้หรือ รึเพราะเราเคยทำแบบนี้เลยได้เกิดมาแต่นิสัยนี้ยังติดตัวอยู่
ต้นทุนที่เราต้องใช้ในการจะมีความสุขแต่ละชม.แพงนะครับ
ผมจึงทำการทดลองขึ้นเรียกโครงการนี้ว่า"ทางสายกลาง"
หลักการคือการขับรถโดยเปลี่ยนเลนน้อยที่สุด โดยอยู่ในเลนที่จะไปตั้งแต่แรกๆมักเป็นเลนกลาง แล้วทำแค่เหยียบคันเร่งกับเบรคไม่ต้องคิดเรื่องเปลี่ยนเลนเลยไม่ว่าข้างๆจะว่างกี่คัน ลองดูว่าจะเสียเวลาไปเท่าไหร่แลกกับการขับแบบง่ายที่สุดแบบไม่ต้องตัดสินใจเลย
ระยะทางที่ใช้ทดลองก็จากบ้านถึงที่ทำงาน นนท์ไปถึงวัชรพล วัชรพลกลับมานนท์
จับเวลาการขับแบบถึงเร็วที่สุดไม่สนใจนิ้วกลาง เปรียบเทียบกับแบบทางสายกลาง
เสียเวลาไปเฉลี่ย 11 นาที
แต่
สิ่งที่ได้กลับมาประเมินค่าไปได้เลย ผมตัดขาดจากความเลวร้ายทุกอย่างบนถนนไปได้แบบไม่เคยรู้สึกมาก่อนตลอดชีวิตการขับรถ ภาระที่เคยต้องจ่ายให้การจราจรกรุงเทพทั้งหมดหายไป หายเครียดไปเลย
เพราะผมลดความคาดหวังลงให้ตรงกับความจริง มันคือ 11นาทีนั่แหละ
ถ้าทุกคนลองทำดูให้ความจริงปรากฎว่ามันเป็นเวลาเท่าไหร่ แล้วยอมเสียมันไปเลย รับรองกรุงเทพต้องมีความสุขแน่
จากคุณ :
teeramade
- [
22 ก.พ. 47 04:12:08
A:202.5.88.10 X:
]