..อีกเรื่องดีดีที่.......ไม่แบ่งปัน........ไม่ได้จ้า.......ลองอ่านดูนะคะ....
ในตอนค่ำฉันโยนหนังสือสองสามเล่มลงบนโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย
เวลาอีกไม่กี่เดือนก็ถึงฤดูสอบ
ที่เขาจะคัดเลือกพวกเราหนึ่งในจำนวนผู้สมัคร เป็นแสนๆ คน
ให้เข้าไปเรียนในที่โก้ๆ ที่ชื่อว่า
มหาวิทยาลัยไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องราวอย่างนี้มันเริ่มต้นขึ้นที่ไหน
ฉันเพียงแต่รู้สึกเหมือนว่า
มีคนเอารั้วยาวๆสองแถวมากั้นในทุ่งกว้างให้เป็นทางเดินแคบๆ
แล้วก็ต้อนพวกเราให้เข้าไปเบียดเสียดกันเดินตามทางเดินแคบๆนั้น
และเมื่อถึงปลายทาง เขาก็เปิดประตูรับเราไม่หมดทุกคน
คนที่ได้มีโอกาสเข้าไปก็เป็นเรื่องที่ดี
ส่วนคนที่ไม่ได้ผ่านเข้าไป แน่ล่ะ...มันก็คงแย่มากทีเดียว จริงอยู่
แม้จะมีทางเลือกอื่นสำหรับบางคน
ที่จะตัดสินใจมุด หรือปีนรั้วออกไปข้างนอกเพื่อหาทางเดินที่ดีกว่า
ฉันเองก็อยากเป็นอย่างนั้นบ้างแต่
ฉันยังไม่เก่งและกล้าพอ
ฉันเอาคางเกยขอบโต๊ะไล่ปลายนิ้วไปตามสันหนังสือที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวยาว
รอให้อ่าน ต้องลองสู้ดูสิ...สักครั้ง
แต่อีกใจหนึ่งก็คอยบอกว่าเดี๋ยว...ยังขี้เกียจอยู่
ขอนอนก่อน ขอดูที.วี.ก่อน ขอไปเที่ยวก่อน ฯลฯ
เวลาเป็นปีที่เขาเตรียมไว้ให้เราเตรียมตัวจึง ผ่านไป
อย่างไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะความเฉื่อยชาของฉันเองอากาศกำลังดี
ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่คลุมด้วย
ผ้าห่มผ้าขนหนูลายนกนางนวลสีเขียว
เห็นหนังสือกองโตที่ยังค้างคารอให้ฉันไปอ่าน
พัดลมขายาวส่งเสียงครางเบาๆแล้วฉันก็หลับไป
พบตัวเองอีกทีที่หน้าอาคารหลังใหญ่ ดูเหมือนจะสร้าง
ด้วยหินอ่อนลักษณะคล้ายธนาคารมีบันไดหินสีขาวเป็นมันวับเรียงรายเป็นชั้นๆ
สุดบันไดขั้นสุดท้ายมีประตู
กระจกติดฟิล์มกรองแสงเข้ม
มีป้ายแผ่นหนึ่งแขวนไว้ตรงประตูเขียนข้อความว่า มีเวลาขาย
ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวขึ้น
ไปบนอาคารหินอ่อนแห่งนั้นเมื่อเอื้อมมือผลักประตูกระจกเข้าไป
ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกาย
สถานที่นั้นดูโอ่โถงและสวยงามดูราวกับห้องรับรองชั้นดี
มีโต๊ะไม้สีเข้มตัวยาวซึ่งกองแฟ้มเ อกสารเรียงรายอยู่บนนั้น
ชายหนุ่มคนที่นั่งประจำโต๊ะเอ่ยทักทายฉันท่าทางเขาอบอุ่นและเป็นมิตร
สวัสดีครับ
ค่ะ ฉันตอบรับคำเขาเบาๆ ผมคิดว่า
คุณคงจะไม่ได้มาซื้อเวลาท่าทางคุณยังเป็นเด็กอยู่เลย
อายุคงยังไม่เกิน 20> ฉันไม่ได้มาซื้อเวลาหรอกค่ะ
ฉันตอบไปทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือบริการอะไรกันแน่ที่เขากำลังขายอยู่
เพียงแต่ว่าฉันอยากมาดู...ผู้คนแล้วก็การซื้อขายของคุณเท่านั้น
ตามสบายเลยครับ> เขายิ้มอย่างมีไมตรี เชิญนั่งเขาผายมือไปทางโซฟาชุดที่ตั้งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง
ฉันจึงถอยไปทรุดตัวลงนั่ง ลูกค้าคนแรกที่ฉันพบในอาคารขายเวลา
คือชายร่างเล็กผอมเกร็งผมขาวโพลน
ใบหน้าซีดเหลือง เขาพยุงตัวให้ก้าวผ่านบันไดทีละขั้นๆอย่างลำบากยากเย็น
จนกระทั่งผลักประตูมาหยุดยืน
ตรงหน้าชายขายเวลา ผมมาขอซื้อเวลาที่ผ่านไป...ห้าปี
น้ำเสียงเขาแหบแห้งและสั่นพร่าอย่างคนที่กำลัง
ป่วยหนัก หมอบอกว่าผมมาหาหมอช้าไปห้าปี
ไม่อย่างนั้นแล้วโรคก็คงมีวิธีรักษาให้หายได้
คนต่อมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี
แต่งตัวสะอาดสะอ้านเพียงแต่ว่าดูหม่นหมองและหมดหวัง...
ขอซื้อเวลา สามเดือน เขาพูดกับชายขายเวลา คุณรู้ไหม
ผู้หญิงที่ผมรักเธอไปเมืองนอกเมื่อสามเดือนก่อน
เราคบกันมาเป็นปี แต่ผมก็ยังไม่เคยบอกรักเธอ ทั้งๆที่รักเธอมาก
เธอไปโดยไม่รู้อะไรเลย ชายขายเวลามีทีท่า ว่าเห็นใจ
ฉันคิดว่าเขาเป็นนักขายเวลาที่มีความอดทนมากทีเดียวทีจะต้องพบลูกค้าที่ล้วนแล้วแต่มีปัญหาต่างๆกันไป
พร้อมๆกับนึกเสียดายแทนผู้ชายคนนี้ที่เขาผ่านเวลาร่วมปีไปโดยเปล่าประโยชน์
แล้วเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของเวลาเหล่านั้น.
..เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนั้นจะก้าวพ้นประตูออกไป
หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามาหล่อนสวมชุด
ไว้ทุกข์สีดำ ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตาดวงตายังมีรอยบอบช้ำ อยากได้เวลาค่ะ
สักสองปี ปีเดียวหรือเพียงครึ่งปีก็ได้
หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก
ผมคิดว่าคุณคงมีปัญหาเกี่ยวกับเวลาในอดีตเหมือนคนอื่นๆ ชายขายเวลากล่าวขึ้น
ค่ะ หล่อนรับคำเสียงแผ่ว
คุณแม่ของดิฉันเพิ่งเสียเมื่อสองวันก่อน
ท่านดีกับดิฉันมากเลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจแต่
ดิฉันยังไม่ทันทำอะไรให้แม่ชื่นใจเลย มีแต่ตั้งแง่ตั้งงอนท่านก็มาด่วนจากไป
คุณเลยอยากซื้อเวลาที่ผ่านไปเพื่อทำดีกับคุณแม่ของคุณ
ฉันนึกเวทนาหล่อนเวทนาที่หล่อนมาคิดอะไรอะไรได้ก็เมื่อ
สายไปถ้าหากหล่อนได้ทำอะไรไปตั้งนานแล้ว
ก็คงไม่ต้องมานึกเสียดายตอนนี้วูบหนึ่งจึงนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง
คนต่อมาเป็นเด็กหนุ่ม
ใบหน้าของเขายังอ่อนเยาว์แต่พกริ้วรอยความกังวลไว้เต็มเปี่ยม
ต้องการเวลาเท่าไหร่ดีครับ ชายขายเวลาถามขึ้นก่อน สองปี
เขายิ้มอย่างอ่อนเพลีย ผมอยากกลับไปเลือก
แผนการเรียนใหม่ ผมพลาดไปตอนนั้น
บางทีผมอาจเริ่มต้นใหม่ด้วยดีจะได้เรียนวิชาที่ชอบแทนวิชาที่น่าเบื่อตอนนี้
แล้วเขาก็จากไป
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วฉันเห็นชายขายเวลาหลับตาลงในขณะที่กำลังเว้นว่างจากลูกค้า
แต่เมื่อฉันขยับตัวเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ฉัน
ดวงตาเขาอบอุ่น...
เป็นเวลานานเท่าไรก็ไม่ทราบที่ฉันนั่งมอง
ผู้คนเดินผ่านไปมาล้วนแล้วแต่มีท่าทีวิตกกังวล ผิดหวัง เสียดาย
เสียใจแล้วก็มาซื้อเวลาไปเพราะว่าพวกเขาได้
พลาดสิ่งที่น่าจะทำในอดีตแล้วชายขายเวลาก็ปิดแฟ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาทางฉัน
สักครู่จึงเดินมาทรุดตัวนั่ง
เก้าอี้โซฟาข้างๆ จะปิดร้านแล้วหรือคะ ฉันถาม
ครับ...ได้เวลาแล้ว
ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ฉันเห็นจะกลับเสียที
ฉันว่าแม้จะไม่แน่ใจว่าฉันจะกลับไปไหน...อย่างไร...
"เชิญครับ ขอให้คุณโชคดีจงใช้เวลาของทุกวินาทีที่ผ่านไปอย่างคุ้มค่า
ผมหวังว่า...คงจะไม่ได้เห็นคุณมาที่นี่
เพื่อซื้อเวลา เขากล่าวในที่สุด... ขอบคุณมากค่ะ
ฉันจะไม่ลืมคุณ...และที่นี่
ฉันลุกขึ้นยืนทันใดนั้นไฟก็ดับวูบฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่
เอื้อมมือไปรูดผ้าม่านหน้าต่างสีครีม
พบว่าท้องฟ้ายังไม่สว่างดีและไก่ก็ยังไม่ขัน
ฉันลุกขึ้นมาเก็บที่นอนและกระโดดเข้าห้องน้ำอย่างสดชื่นแล้ว
ถึงกลับเข้านั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิมซึ่งฉันไม่เคยจริงจัง
ด้วยมานานแล้วคิดอยากจะฮัมเพลงไปด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ติดอยู่ว่าจะทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือ วูบหนึ่ง...
ฉันรู้สึกดีใจที่ฉันยังมีเวลาเหลืออยู่ยังไม่สายเกินไป
ที่จะเริ่มลงมือทำอะไรๆอย่างมีความหวังไม่เหมือนกับ
ผู้คนเหล่านั้น...ที่ฉันพบที่...อาคารขายเวลา
(เพื่อนส่งมาให้อ่านค่ะ....ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ)
จากคุณ :
สุเกียง
- [
2 ธ.ค. 46 14:53:42
]