ความคิดเห็นที่ 9
บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) เรณู บรรดาศักดิ์ : บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด
ราคาเป้าหมาย: 25 บาท ซื้อ ราคา (5 พ.ย. 45): 18.70 บาท สัมภาษณ์ผู้บริหาร ความเห็น AYS คาดว่า GRAMMY จะมีกำไรปี 45-46 ประมาณ 635 ล้านบาทและ 721 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.27 บาทและ 1.44 บาท ตามลำดับ โดยมีสมมติฐานว่าบริษัทจะหยุดการลงทุนที่ไต้หวัน ซึ่งจะทำให้ gross margin เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 14.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 20 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ P/E ในอดีตของหุ้นที่ 23 เท่า เราประเมินราคาหุ้น GRAMMY ที่ P/E 20 เท่า ทำให้มีราคาเป้าหมายที่ 25 บาท ใกล้เคียงกับมูลค่าที่เหมาะสมซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ที่ 26 บาท ราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายอีก 34% นอกจากนั้นคาดว่า GRAMMY จะจ่ายเงินปันผลประมาณ 1.27 บาท ให้ผลตอบแทนประมาณ 7% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามบริษัทได้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีแรกไปแล้ว 0.50 บาท ในระยะสั้น การเข้าจดทะเบียนของ บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย น่าจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจของหุ้นได้อีก จึงแนะนำให้ ซื้อ
สรุปประมาณการ 2543 2544 2545(F) 2546(F) รายได้ (ลบ.) 3,598 4,112 4,460 4,355 กำไรสุทธิ (ลบ.) 317 200 635 721 EPS (บาท) 0.63 0.40 1.27 1.44 BVS (บาท) 6.60 6.01 6.01 6.01 P/E (เท่า) 29.5 46.7 14.7 13.0 P/BV (เท่า) 2.8 3.1 3.1 3.1 DPS (บาท) 1.00 1.00 1.27 1.44 Dividend Yield (%) 5.3 5.3 6.8 7.7
ลักษณะธุรกิจ บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ประกอบธุรกิจด้านบันเทิงและสันทนาการ โดยมีบริษัทในเครือ 34 แห่ง แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจใหญ่คือ กลุ่มธุรกิจบันเทิง กลุ่มธุรกิจการศึกษา และกลุ่มธุรกิจ Entertainment online โดยกลุ่มธุรกิจบันเทิง แยกย่อยออกเป็น 4 ธุรกิจคือ ธุรกิจเพลง ธุรกิจสื่อ ธุรกิจภาพยนต์และภาพยนต์โฆษณา และธุรกิจต่างประเทศ ในปี 44 รายได้หลักมาจากธุรกิจเพลง 65% ของรายได้ทั้งหมด รองลงไปคือรายได้จากค่าโฆษณาผ่านสื่อวิทยุและโทรทัศน์ 19% และ 10% ของรายได้ทั้งหมด ตามลำดับ กลุ่มธุรกิจเพลง ได้แบ่งการผลิตผลงานออกเป็น 11 ค่ายเพลง ส่วนกลุ่มธุรกิจวิทยุ มีการผลิตและจัดรายการวิทยุในระบบเอฟเอ็ม 5 คลื่นสถานี ได้แก่ F.M 88 (Radio No Problem), F.M. 89 (Bangkok Radio), F.M. 91.5 (Hot Wave), F.M. 93.5 (Radio Vote Satellite) และ F.M. 106.5 (Green Wave) ซึ่งเป็นสถานีที่ทำรายได้จากธุรกิจนี้สูงสุด
ประเด็นสำคัญ  กำไร 3Q45 ใกล้เคียงไตรมาสก่อน: จากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร ผลประกอบการ 3Q45 ของ GRAMMY น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าคือประมาณ 170 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจเพลงเพิ่มขึ้นจากปริมาณจำหน่ายเทป CD และ VCDs ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% qoq แม้ว่า อัลบัมใหม่ออกมาน้อยกว่าช่วงอื่นๆ คาดว่าน่าจะเป็นความต่อเนื่องของอัลบัมที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ไตรมาสก่อน (Top 5 อัลบัมใน 2Q45 ได้แก่ 2002 ราตรี, ปาล์มมี่, Juicy, บางแก้วพันธุ์ไทย และธงไชย สไมล์ คลับ) สำหรับไตรมาสสุดท้ายคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีของธุรกิจเพลง มีอัลบัมใหม่ทยอยออกสู่ตลาดเนื่องจากเป็นช่วง high season ส่วนปี 46 คาดว่าหาก GRAMMY หยุดการลงทุนที่ไต้หวัน และเพิ่มสัดส่วนการจำหน่าย CD และ VCD มากขึ้นแทนเทปซึ่งมี margin ต่ำกว่า คาดว่าจะทำให้ gross margin ของธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นจาก 44% ในปี 45 เป็น 48-49% ในปี 46  ธุรกิจสื่อ คาด จีเอ็มเอ็ม มีเดีย เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ปี 45: รายได้จากธุรกิจสื่อ (วิทยุ และโทรทัศน์) คาดว่าจะเติบโต 10% ต่อปี ตามแนวโน้มการเติบโตของการใช้จ่ายโฆษณา (9 เดือนแรกของปี 45 ค่าใช้จ่ายโฆษณาผ่านสื่อวิทยุขยายตัว 16%) ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงสุดสำหรับ GRAMMY เนื่องจาก gross margin ของธุรกิจสื่อวิทยุสูงถึง 74% ส่วนโทรทัศน์ 29% (6M45) นอกจากนั้น ROAE ของ จีเอ็มเอ็ม มีเดียในปี 45 (มิ.ย. 44 มิ.ย. 45 จากงบฯ ก่อนปรับโครงสร้าง) ยังสูงถึง 48% เชื่อว่าน่าจะสูงสุดในกลุ่มบันเทิงฯ ขณะนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ของบริษัทลูก จะทำให้ GRAMMY ได้ประโยชน์จากมูลค่าการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นตามราคาตลาด และในอนาคตหากมีการปล่อยเสรีให้มีการประมูลสถานีวิทยุและโทรทัศน์ช่องใหม่ คาดว่า จีเอ็มเอ็ม มีเดีย น่าจะมีช่องทางในการสร้างรายได้ได้อีกจำนวนมาก  ธุรกิจภาพยนต์: บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากเรื่อง 15 ค่ำเดือน 11 ประมาณ 55 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีกำไรไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร แม้ว่าจะมีกระแสต่อต้าน อย่างไรก็ตาม GRAMMY อาจจะมีรายได้จากหนังเรื่องนี้มากขึ้นหากนำออกฉายยังต่างประเทศ หรือจำหน่ายลิขสิทธิ ตลอดจนอัดลง VCD สำหรับปี 46 คาดว่าจะมีหนังออกฉายประมาณ 4-5 เรื่อง  หุ้นที่ซื้อคืนไม่สามารถจำหน่ายได้จนถึง 1Q46: GRAMMY ซื้อหุ้นคืนทั้งหมด 10 ล้านหุ้น คิดเป็น 2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 500 ล้านหุ้น โดยใช้เงินไปเป็นจำนวน 150 ล้านบาท ราคาซื้อคืนเฉลี่ยประมาณ 15 บาท ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน 20% โครงการนี้สิ้นสุดลงในวันที่ 2 ต.ค. 45 บริษัทจะไม่สามารถจำหน่ายหุ้นจำนวนนี้ออกมาได้เป็นเวลา 6 เดือน นั่นคือไม่สามารถขายได้จนถึง 1Q46 จึงยังไม่มีผลกระทบในระยะอันใกล้ อย่างไรก็ตามบริษัทมีเวลาที่จะจำหน่ายหุ้นออกให้หมดภายใน 3 ปี จึงเชื่อว่าแม้จะพ้นกำหนด 6 เดือนแล้ว ผลกระทบในเชิงลบต่อราคาจากหุ้นจำนวนนี้ก็ไม่น่าจะสูงนัก
อันนี้เป็นบทวิเคราะห์ของ AYS ครับ
จากคุณ :
takeshi ito
- [
7 พ.ย. 45 13:33:59
A:216.252.253.98 X:
]
|
|
|