ความคิดเห็นที่ 1 คุณเคยฝากเงินหรือเบิกเงินที่ธนาคารหรือเปล่าครับ? คนที่ทำหน้าที่รับ-จ่ายเงินให้คุณที่หน้าเคาน์เตอร์นั่นหละ Teller จากคุณ : Uncle Tee - [ 4 พ.ย. 47 16:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ค่ะ เคยค่ะ แล้วมีชื่อเรียกเป็นภาษาไทยไม๊คะ จากคุณ : tiffee - [ 4 พ.ย. 47 16:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คงมีอ่ะครับ แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก จากคุณ : MrMarker - [ 4 พ.ย. 47 18:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คำว่า Teller แต่ละธนาคารก็เรียกแตกต่างกันไป เช่น เจ้าหน้าที่อำนวยบริการ หรือ พนักงานรับ-จ่ายเงิน เป็นต้น เงินเดือนก็ตามวุฒิครับ แต่ละธนาคารมีอัตรามาตราฐานอยู่แล้ว อาจจะมีบวกค่ามหาวิทยาลัย / ค่าเกรด อีกนิดหน่อย ส่วนเรื่องอื่นๆที่ถาม ก็ขอตอบว่าทุกงานมีความก้าวหน้า ถ้าเรามีความสามารถ ทั้งทำงานเก่ง เข้ากับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ลูกค้าเก่ง ก็ก้าวหน้าทั้งนั้นครับ จากคุณ : Knight - [ 4 พ.ย. 47 21:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อืม จบเศรษฐศาสตร์มา ผมว่าทำด้านอื่นในธนาคารน่ารุ่งกว่านะครับ งาน Teller ทำดีก็เสมอตัว ซวยๆก็ติดลบ (อย่างเงินหาย ทำรายการผิด ฯลฯ) ถ้าสนใจสายงานสาขา  Marketing officer น่าสนใจกว่านะครับ หรือไม่ก็ข้ามไปทำสายวิเคราะห์สินเชื่อไปเลย ปล. ไม่ได้บอกว่างาน Teller ไม่มีโอกาสก้าวหน้านะครับแต่ว่า ผมคิดว่าถ้าอยู่ตำแหน่งงานอื่นอาจจะมีโอกาสใช้ความรู้ที่เรียนมามากกว่าน่ะครับ  นอกนั้นตามคุณ Knight ครับ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 47 03:05:38 จากคุณ : Bimster - [ 5 พ.ย. 47 03:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รู้สึกเค้าจะเรียกว่า "พนักงานธนากร" นะครับ จากคุณ : แมวลาย - [ 5 พ.ย. 47 03:28:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ค่ะ แล้ว Marketing officer กับ วิเคราะห์สินเชื่อ นี่ทำเกี่ยวกับอะไรเหรอคะ แหะๆๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะค่ะ กะว่าจะทำ Teller เก็บเกี่ยวประสบการณ์สัก 2 - 3 ปี แล้วค่อยขยับขยายไปสายงานอื่นในธนาคารจะพีไม๊คะ อืม...ม ยังไงดีๆ อ่อ ขอบคุณที่มาช่วยให้คำตอบกันค่า ^^ ใครแนะนำอีกก็เชิญเลยนะคะ หลายความคิด หลายมุมมอง จากคุณ : tiffee - [ 5 พ.ย. 47 09:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คนเป็นสินเชื่อกับคนเป็น teller ความรู้สึกต่างกันเยอะ คนมาใช้บริการสิบเชื่อ มาหาด้วยความนอบน้อม มีของฝากติดไม้ติดมือมาด้วย เผื่อเราช่วยให้เขาได้วงเงินเร็วขึ้นไม่มีการพูดจากระโชกใหญ่โต ผิดกับ teller วัน ๆ ต้องทำงานแข่งกับเวลา มีลูกค้ามาออ รอใช้บริการตลอดเวลา ทำช้าก็ถูกบ่น ทำผิดก็ควักตังค์เอง ลูกค้าที่มาหาอยากเร็วทุกคน ถ้ารอนานสีหน้าจะไม่ค่อยดี สรุปแล้วถ้ามีหลายตำแหน่งให้สมัคร อย่าเป็น teller เลย จากคุณ : เด็กแบงค์เก่า (ippo) - [ 5 พ.ย. 47 11:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้......จริงด้วย จากคุณ : tiffee - [ 5 พ.ย. 47 12:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับคุณ ippo ค่ะ การเป็นTeller หรือพนักงานธนกิจ นั้นค่อนข้างน่าเบื่อและเสี่ยง ประกอบกับเดี๋ยวนี้ทางธนาคารบางแห่งก็ตัดเรื่องค่ามหาวิทยาลัย , ค่าเกียรตินิยม หรือแม้กระทั่งค่าประกันความเสี่ยง ก็ถูกตัดหมดแล้ว เงินเดือนเริ่มต้นค่อนข้างน้อย ไม่ถึงหมื่นนะค่ะ และต้องมีบุคคลค้ำประกันด้วยนะ หากเป็นไปได้ลองหางานที่เราชอบและได้ใช้ความสามารถที่ชอบจะดีกว่า ถ้าจะเป็นTellerต้องพร้อมรับความเสี่ยงและทำงานแบบซ้ำๆได้ ประเภทฝากแล้วก็ถอนทั้งวัน ที่จะไม่ซ้ำก็คือต้องมาลุ้นเรื่องเงินว่าพลาดไปบ้างหรือเปล่า บางวันอาจไมพลาด แต่ถ้าพลาดก็จ่ายเองนะจ๊ะ คิดให้ดีนะ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 47 13:29:55 จากคุณ : เด็กแบงค์เก่าอีกคน (deep @s love) - [ 5 พ.ย. 47 13:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 งาน Marketing officer จริงๆก็คือ sales ละครับ (ที่ผมทำงานอยู่เค้าเรียก Marketing officer เลยติด) รับผิดชอบขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ลูกค้าน่ะครับ เริ่มตั้งต่อเปิดบัญชีเงินฝาก ทำบัตร ATM ไปถึงสินเชื่อบุคคล หน่วยลงทุนแล้วก็ประกันภัยน่ะครับ คือในส่วนของสินเชื่อบุคคล หน่วยลงทุนกับประกันภัยเนี่ยจะต้องเข้าใจพื้นฐานเรื่องการเงิน/การลงทุนดีๆนิดนิง ซึ่งผมว่าน่าสนใจตรงนี้เพราะว่าจะได้ใช้ความรู้มากกว่า  แท่เหมือนกับงาน Teller อยู่ก็คืองานหลักเป็นงานบริการแล้วก็ส่วนใหญ่ก็ยังต้องทำงานพวก processing อยู่ Marketing officer บางคนก็เริ่มจาก Teller ครับ ถ้างานวิเคราะห์สินเชื่อเนี่ย ก็จะแงเป็นสินเชื่อบุคคลกับธุรกิจครับ  สินเชื่อบุคคลจะมี "กรอบ" การวิเคราะห์มากกว่าหน่อย แค่ verify ตัวเลขแล้วก็ใส่เข้าไปในสูตรน่ะครับ (แต่การ verify ก็ไม่ง่ายนะครับ ต้องอ่านบ/ชเงินฝากลูกค้าให้เป็น)  แต่ถ้าเป็นสินเชื่อธุรกิจก็ยาวล่ะครับ ลองอ่านกระทู้ข้างล่างก็ได้ครับ ผมกะลังจะเขียนเรื่องสินเชื่อธุรกิจอยู่ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B3103995/B3103995.html แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 47 14:23:36 จากคุณ : Bimster - [ 5 พ.ย. 47 14:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เคยทำเป็นTellerเหมือนกัน งานหนักเพราะธนาคารที่ทำลูกค้าเยอะนั่งก้มหน้านับเงิน และคีย์เข้าสมุดให้ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา เงินเดือนที่ได้10,000บาทโบนัส2เดือน แต่ทำเงินขาดเกือบทุกเดือน เคยมีเช็คลูกค้าปลอมลายเซนต์(ประมาณ5ครั้ง)มาขึ้นเงิน โชคดีที่เราไม่ผ่านให้ไม่งั้นก็ต้องรับผิดชอบ และต้องมีการขายproductควบคู่ด้วย ตอนเย็นก็ต้องสรุปยอดเลิกไม่แน่นอนส่วนมากจะเลิกเย็น ก็แล้วแต่ว่าอยู่แบงค์ไหนระบบงานไม่เหมือนกัน ต้องมีประชุมตอนเย็นสัปดาห์ละ1วันเรื่องเป้าproduct และเรื่องcomplainลูกค้า ทำได้ประมาณปีกว่าก็ออกเพราะเอาชนะความยากของงานนี้ไม่ได้ คือทำอย่างไงไม่ให้เงินขาด ส่วนความเบื่อไม่ต้องพูดถึงก็มีบ้าง อนาคตของงานในตำแหน่งหัวหน้าหรือผจก.สาขา ก็ใช้เวลามากกว่า10ปี ผลที่ได้จากการทำงานคือสมองฝ่อเพราะทำงานไม่ได้สมองมากแต่ต้องระวังและรอบคอบมากกว่า และระแวงกลัวเงินขาดลูกค้าเอาเช็คปลอมลายเซนต์มาขึ้นและเงินปลอม แต่สิ่งที่ได้จากการทำงานคือ -ความภาคภูมิใจที่ทำงานแบงค์ -ความรอบคอบและความน่าเชื่อถือ -รู้ระบบการทำงานของแบงค์เป็นประโยชน์ในการติดต่อทำธุรกรรมเทียบกับแต่ก่อนที่เข้าแบงค์ไม่เป็น*** -ประการณ์ทำงานสามารถเรียกเงินเดือนที่สูงขึ้นได้ ตอนนี้ทำงานหลักทรัพย์มีคนเคยทำว่าทำงานแบงค์ก้ดีอยู่แล้วทำไมออกให้เหตุผลไม่ได้เลยบอกว่าชอบงานหลักทรัพย์มากกว่าไม่อยากว่างานแบงค์ไม่ดี ถ้าคุณtiffeสนใจงานธนาคารก็มีหลายตำแหน่งที่คุณสามารถทำได้เพราะคุรจบเศรษฐศาสตร์แต่ถ้าสนใจ งานtellerก็สามารถทำได้ให้พอรู้ว่าเราชอบทำมากน้อยแค่ไหนแต่อนาคตของงานไม่ดีก็ไม่ควรทำนานหรือจะทำเพื่อมีเวลาว่างเรียนโทควบคู่ไปด้วยก็จะเป็นประโยชน์ งานแบงค์หยุดเสาร์-อาทิตย์ จากคุณ : StarServicerOfficer (Dollyjang) - [ 5 พ.ย. 47 15:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ธนาคารแต่ละธนาคาร ก็มีประเพณีต่างกันนะครับ บางธนาคารก็ไต่ตามลำดับ จาก Teller ไปเป็นสินเชื่อ ก็มี แต่ส่วนมากนานครับ แป็กเป็นส่วนใหญ่(ดูตามหน้า counter ซิิครับหน้าคุ้นๆตลอด) เรียน เศรษฐ์ น่าจะทำวิเคราะห์หลักทรัพย์ นะครับ ลองไป กรุงไทยซิครับ ระบบค่อนข้างดีครับ แต่ทำงาน ธนาคาร เงินเดือนน้อยนะครับ... สรุปว่า...ไม่เห็นด้วยครับ Teller งานน่าเบื่อมาก มีดีอย่างเดียว ......ปีใหม่ได้ขนมเยอะดี อ้วนเชียวแต่ละคน... จากคุณ : mute - [ 6 พ.ย. 47 15:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ที่เงินขาดนี่มาจากสาเหตุอะไรเหรอคะ คือ โอกาสที่เงินจะขาดมีบ่อยมากเลยเหรอคะ อืม เป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบมากๆ เลย แล้วทั้งวันนี่ก็นั่งอยู่ตรง counter ทั้งวันเลยเหระคะ ยังงี้ คนมากก็เหนื่อยมาก คนน้อยก็เหนื่อยน้อยสิคะ แล้วขอถามนะคะ "เด็กแบงค์เก่า" คือ ตอนนี้พี่ๆ ที่เคยทำงานแบงค์ตอนนี้ทำอะไรกันเหรอคะ (ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ) แล้วทำกันมานานเท่าไหร่แล้วเหรอคะ แต่ คือ tiffee สมัครงานทางเน็ตอ่ะค่ะ แล้วก็สมัครตำแหน่ง teller ไปแล้วซ่ะด้วยค่ะ  (สมัครไป 5 แบงค์แล้ว) ทำยังไงดีคะ แล้วถ้าเกิดมีโอกาสนี่ ลองทำดูดีไม๊คะ สักปี เก็บประสบการณ์ หรือว่า สมัครใหม่แต่ตำแหน่งอื่น แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 47 22:48:16 จากคุณ : tiffee - [ 7 พ.ย. 47 22:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่อ ได้ขนมด้วยเหรอคะ จากลูกค้าเหรอคะ ดีตรงนี้ล่ะมั้งเนี่ย ^^ จากคุณ : tiffee - [ 7 พ.ย. 47 22:31:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หางานอื่นทำดีกว่า เงินขาดก็ต้องรับผิดชอบ แถมต้องหาบัตรเครดิต หาเงินฝาก แล้วให้หาแทบทุกเดือน มันจะไปหาใครมาทำให้ได้ทุกเดือน ... ที่มันจะขาดเพราะว่า บางทีบัญชีเดียว ทำหลายอย่าง เช่น ฝาก 3 ล้าน ถอนออก 1.5 ล้าน ขอแบงค์ร้อย สองแสน แบงค์ห้าร้อย สามแสน ที่เหลือแบงค์พัน บางทีเรานับไปนับมา เดี๋ยวคนโน้นชวนคุย มือถือดัง ก็เริ่มงง หรือบางทีมาฝากเงิน ปึกละร้อยใบ แต่ในปึกมีแค่ 99 ใบ (บางทีแบงค์พับครึ่งมา) ถ้าเรานับไป ตามองอย่างอื่นไป ก็ทำให้พลาดได้แล้ว จากคุณ : pop - [ 8 พ.ย. 47 07:52:09 A:192.232.68.4 X: TicketID:078187 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเคยเป็น teller อยู่หนึ่งปี รู้สึกว่างานนี้ไม่ใช่เรา ไม่ต้องใช้ความคิดเท่าไหร่ จำรหัสให้ได้ว่าถอนฝาก โอนรหัสไหน ที่เหลือก็นับเงินให้เร็วและถูกต้อง เหมือนกับ pop เค้าบอกแหละ งานจะยุ่งช่วงปลายเดือนกับต้นเดือน ส่วนกลางเดือนแทบจะไม่มีคนมาทำรายการ ประสบการณ์คงไม่ได้อะไรมากหรอก เพราะส่วนใหญ่ที่มาเข้าเงินจะเป็นลูกจ้างซะมากกว่า เถ้าแก่ไม่ค่อยมาเข้าเงินเองหรอก ที่ลาออกเพราะไม่เหมาะกับตัวเองมากกว่า ตอนนี้ออกมาทำเองแล้วล่ะครับ จากคุณ : เด็กแบงค์เก่าอีกที (ippo) - [ 8 พ.ย. 47 11:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : tiffee - [ 8 พ.ย. 47 14:25:19 ]