ประเด็นที่มาเขียนวันนี้ ได้มาจากข่าว นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 24 กย 2545......เป็นหัวข่าวหน้าหนึ่ง....ว่า สุดารัตน์ฉะหมอต้าน พรบ.สุขภาพ......ดังที่ ปรากฏอยู่นั้น....
ประเด็นแรก เขาบอกว่า หมอหน่อย จวกแหลก แพทย์ที่ต้าน พรบ.หลักประกันสุขภาพ อย่าเอาประชาชนเป็นเครื่องต่อรอง.......อ่านแค่นี้ก็ตกใจแล้วครับ......แต่อ่านลึกลงไป ผมว่า คุณ สุดารัตน์ ไม่ได้จวกแหลกหมอหรอกครับ...อาจจะตัดพ้อต่อว่า บ้าง ก็พอเข้าใจ...แต่ประโยคที่ว่า...เอามาต่อรองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวนั้น...ผมเป็นหมอ เข้าใจเรื่องนี้ดี...ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวนะครับ..ขอเตือน คุณ หน่อย ว่า เวลาให้สัมภาษณ์นั้น ต้องสงบ พูดจาให้น่าฟัง ไพเราะ ประโยคเหล่านี้ ไม่เกิดผลดีต่อทุกๆฝ่ายอย่างแน่นอน....คุณสุดารัตน์ ให้ความเห็นออกมาต่ออีก..มาสะกิดตรงคำพูดที่ว่า...หมอต้องคำนึงถึงประชาชน อย่าคิดเอาแต่ความพึงพอใจของตนเองเป็นหลักนั้น.....ผมติงว่า...ความพึงพอใจของตัวคุณ สุดารัตน์ที่จะบริหารงานสาธารณสุข ให้บังเกิดผลงานดีๆ นั่นก็คือ ความพึงพอใจเป็นหลักเช่นเดียวกัน ขณะนี้ ทุกๆฝ่ายสับสน....เข้าใจครับว่า เป็นนักการเมือง ที่ดี และแถมเป็นผู้หญิงเหล็กอีกด้วยนั้น...เมื่อมารับงาน ก็อยากสร้างผลงาน
ตามความพึงพอใจของตนเองเป็นหลักเช้นกัน และตอนนี้ยังไม่มีบทพิสูจน์ทางรูปธรรมว่า หนทางที่คุณสุดารัตน์จะทำนั้น จะสำเร็จ หรือล้มเหลว ปรากฏชัดเจน....ก็ยังประเมินไม่ได้ หมอ..และบุคคลากรต่างในวงการ มีการเคลื่อนไหว ไม่เห็นด้วย ก็ควรจะรับฟัง ด้วยเหตุ ด้วยผล จะไปบอกกล่าวว่า พวกหมอ ก็เป็นข้าราชการ ต้องทำตามที่ฝ่ายบริหารสั่ง....ตรงนี้ ผมว่า คุณสุดารัตน์ ถนอมน้ำใจคนอื่นๆ
น้อยเกินไปนะครับ....หมอเขาก็เป็นฝ่ายลงมือกระทำ เป็นแขน เป็นขาให้รัฐมนตรีนี่ ผมว่า...การเคารพให้เกียรติกันและกัน มีความเหมาะสมมากๆ
คุณ สุดารัตน์ พูดว่า ตนเองยอมเอาตัวเป็นประกัน แล้วจะเอาอะไรอีกนั้น ไม่สมควรพูดตรงๆเช่นนี้...ถ้าโครงการนี้บกพร่อง บางส่วน คนที่รับเคราะห์มากที่สุดก็คือ ประชาชน แล้ว คุณสุดารัตน์จะทำอะไรให้คนอื่นเขาเกิดความสะใจต่อผลงานของตนเอง ลาออก...ก็เท่านั้น เพราะเป็นนักการเมือง ไม่ทำนี้ ก็โยกไปทำโน่น แล้วถ้า
มีประชาชนล้มตายไปแบบคาดไม่ถึง คุณ สุดารัตน์จะฆ่าตัวตาย ก็ไถ่บาปไม่ได้หรอกครับ.......
ผมมีความประทับใจในการเป็นนักการเมืองหญิงที่เข้มแข็ง อดทน แต่อย่าให้เป็นแข็งกร้าว ยะโส เป็นหญิง ทำงานอ่อนโยน พูดจาดี ไม่ได้ทำให้คุณค่าของ คุณ สุดารัตน์เสื่อมเลยแม้แต่น้อย จงอ่อนน้อมแต่อย่า อ่อนแอ...บวกกับความสามารถที่มีสูงอยู่แล้ว ผมว่า คุณ สุดารัตน์ จะเป็น
รัฐมนตรี เป็นนักการเมืองที่ดี ประชาชนทุกๆอาชีพ ทุกฐานะสามารถยกมือไหว้ได้สนิทใจ....
มาตรการต่างๆที่เพื่อนๆหมอของผม พูดไว้นั้น ผมเรียนว่า ถึงเวลาเข้าจริงๆ ก็คงละทิ้งคนไข้ไม่ได้ วิญญานของความเป็นแพทย์นั้น ใครไม่เป็นก็คงไม่รู้ลึกดี......ที่พวกเขาแสดงออกถูกต้องตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ น่าจะรับฟังให้มาก มากกว่าเดิมที่เป็นอยู่....ไม่มีใครในโลกนี้หรอกครับ ที่คิดถูก กระทำถูกหมดทุกๆเรื่อง...ความเห็นใจกันและกัน ความอ่อนน้อม สุภาพ เป็นพลังความดีที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดๆทั้งปวง คนมาเรียนแพทย์ ล้วนแต่มาจากระดับ มันสมองเยี่ยมๆของประเทศชาติ....อยากจะบอกว่า เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว เรื่องเงินทอง ลาภยศ ทั้งหลาย เป็นปัจจัยรองลงมา แต่เกียรติและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นแพทย์ ผมว่าทุกๆคนก็ยังมีอยู่สมบูรณ์....การบอกว่า เรียนเก่ง แล้วมาเป็นหมอเอง ทั้งๆที่รู้ว่า ลำบากนั้น ผมรับรองได้ว่า ไม่ใช่เนื้อหาสาระ พูดไปก็ยิ่งบาดหัวใจคนที่ทำงานหนักเช่นแพทย์ อาชีพอื่นๆ พลาดแล้วยังมีโอกาสแก้ตัว แต่แพทย์ ที่เครียด เหนื่อย อดนอน....นั้น
จะพลาดไม่ได้.....เมื่อพรบ.นี้ออกมาในลักษณะนี้....มันเป็นความผิดพลาด....หมอไม่เคยตั้งใจจะให้คนไข้ตาย หรือพิการหรอกครับ.....แต่ทำงานแบบนี้ มันต้องมีพลาด
ยิ่งมีการมาสอดส่อง ให้คนฟ้องหมอได้ง่ายๆ...
หมอเองก็คงคิดว่า.....แล้วเราจะมาทำงานช่วยชีวิตคนกันทำไม...ทำดี เสมอตัว พลาดท่า..กลายเป็นคนชั่วกระนั้นหรือครับ....อดนอน32 ชม.น่ะบางคนไม่เชื่อ ผมขอยืนยันว่า ในชีวิตผมที่เป็นแพทย์สามวันสามคืน ไม่ได้นอน
เลย ผ่านมาแล้วหลายๆครั้ง ยิ่งคราวไหนที่เพื่อนๆไม่สบาย....เราก็ต้องช่วยงานเขาด้วย ไม่เกี่ยวกับพวกพ้อง
แต่สงสารคนไข้ที่มารอ.....
เคยนอนซมอาเจียนเป็นเลือดมาแล้ว เพราะอดนอน ดื่มกาแฟ เครียด....ทรมาณมาก....ช่วงนั้น มีใครได้เห็นสภาพของหมอ หรือไม่......
โครงการนี้ ผมศึกษามาละเอียด ที่ดีก็มาก ที่บกพร่องก็มีเยอะแยะ.....โดยเฉพาะ หัวใจของพรบ.ฉบับนี้ เขียนออกมาในแนวทางที่ตีความได้มากมาย....
มิได้เตือนมานะครับ....แต่ขอเรียนว่า อนาคตทางการเมืองของ คุณ สุดารัตน์ ยังยาวไกลมาก......ถ่อมตนสักนิด
คิดสักหน่อย......แล้วคุณจะพบว่า คุณเก่งมากขึ้นทุกๆวัน....
ด้วยความรักและห่วงใย...
นพ. อภิเชษฎ์ นาคเลขา...
หมอเมืองพร้าว
-----------------