ความคิดเห็นที่ 1 การกระทำที่ผิดศีล ก็ คือการกระทำกรรมอย่างหนึ่ง เป็น อกุศลกรรมที่เป็นบาป การตั้งเจตนาจะไม่กระทำผิดศีล ก็เป็นกรรมอย่างหนึ่ง เป็นกุศลกรรมที่เป็นบุญ กรรมประเภทไหนก็ตาม ก็ ต้องส่งผล ส่งวิบากออกมาทั้งนั้น .... ก็ ..ต้องรอรับไป นอกจากเร่งทำกรรมอื่นในทางตรงกันข้ามมากๆ หนักๆ มาสะกัดไว้ก่อน กรรมหนักก็จะมาเบียดแย่งส่งผลก่อน จากคุณ : ช้างฯ - [ 29 ก.พ. 47 01:23:54 A:68.43.187.79 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีอะไรกับผู้หญิงโดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ถือว่าพรากลูกผู้อื่นครับ คิดว่าผิดศีลเต็มๆ เราคิดว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่เราทำให้ผู้หญิงคนนั้นเดือดร้อน (แม้เขาจะเต็มใจ) และเราทำให้พ่อแม่ของเขาเดือดร้อน (แม้เขาจะไม่รู้) คือถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆก็คือ สมมุติว่ามีคนบอกให้คุณฆ่าเขา ถ้าคุณทำ คุณก็ผิดศีล แม้คนนั้นจะเต็มใจก็ตาม คนๆนั้นอาจอยู่ในภาวะที่ยังไม่เห็นว่าการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งไม่ดี จึงจะทำ แต่ไม่ได้หมายความว่า เขายินยอมแล้วทุกอย่างจะ ok หรือคุณไปขโมยของคนอื่น แต่เขาไม่รู้ว่าของหายไป คุณก็ผิดศีล ไม่ว่าชาตินี้เขาจะรู้หรือไม่ว่าคุณทำ เขาตายไปแล้วอาจไม่เคยรู้เลยว่าของหายไป แต่การผิดศีลอยู่กับคุณ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขา พระพุทธองค์ให้ศีลมาเป็นข้อห้าม เพราะสิ่งที่ห้ามนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน คุณอาจจะไม่เห็นว่าคนอื่นเดือดร้อนอย่างไร แต่พระองค์เห็น และห้ามไว้ พระองค์ไม่ได้บอกว่า ห้ามผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่ถ้าผู้หญิงเต็มใจและพ่อแม่หรือสามีเขาไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีใครเดือดร้อน นะครับ ห้ามคือห้าม ไม่มีข้อยกเว้น ส่วนเรื่องคนชาติอื่นทำผิดศีลกันเกือบทั้งชาติหรืออะไรนี่ก็ไม่แปลกนี่ครับ นี่บ่งบอกถึงกลียุคไม่ใช่เหรอครับ และเราควรดูพวกเขาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่ใช่แห่ตามคนหมู่มาก เพราะในกลียุค คนหมู่มากนั่นแหละตัวดี จากคุณ : Urim - [ 29 ก.พ. 47 05:03:21 A:169.237.108.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ...ก็คิดๆ ไป ให้กว้างขวางครอบคลุม น่าจะมีโอกาสถึงบ้างอ้อ ก็ได้ครับ ...กรณีเหล้า เบียร์ (ศีลข้อ 5) ผมเห็นแบบนี้ว่า ...หนึ่งก็คือเหล้ามันของเสพติด เสพติดแล้วเป็นไงก็คิดเอาเอง ...สองก็คือ มันเป็นบ่อเกิดแห่งการขาดสติ ทำสิ่งไม่ดี ประมาทพลาดพลั้ง มีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วพระพุทธองค์จึงมีศีลเป็นข้อห้าม(พระภิกษุ) ถ้าพระเมานี่ผิดแน่ๆ บาปแน่ๆ ตกนรกป๋อมแป๋ม ...แล้วชาวบ้านธรรมดา หรือคนทั่วโลกหละ ...เหล้ามันเป็นบ่อเกิดเฉยๆ ถ้ากินแล้วขาดสติ ทะเลาะวิวาท แสดงอาการ หรือทำอะไรแปลกๆ พวกนี้มันก็ให้ผลของมันเห็นๆ อยู่แล้ว ...ถ้ากินแล้วเฉยๆ เมาแล้วก็หลับ พระก็ไม่ได้เป็น ศีลก็ไม่ได้สมาทานรักษา โทษมันก็เกิดกับร่างกาย ไม่ใช่จิตใจ แต่กินเหล้าเพื่อทำลายตัวเองนี่ก็ไม่ได้บอกว่าจิตใจดีนะ :-) ...คราวนี้ถ้าบอกว่าเราผิดศีลข้อ 5 (กรณีเหล้า) ในกระทู้นี้ผมว่ามันเป็นการเปรียบเทียบครับ ...ต้องรู้ใช้ต่างคนผลต่างกัน อยู่ที่เพศ(พระ/ชาวบ้าน) อยู่ที่เจตนา อยู่ที่การกระทำ ฯลฯ ...เจ้าของกระทู้มาทำนองนี้กับผมเปล่าครับ :-) ...ส่วนข้ออื่นก็พิจารณาตามความจริงกันไป จากคุณ : Camelot - [ 29 ก.พ. 47 09:55:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยินดีที่ได้คำตอบคำ คือผมว่าเคยอ่านจากที่นี่นะครับว่า ศีลห้านี่คือ การบอกในลักษณะ* อย่าทำ* ไม่ใช่ห้าม และคิดต่อไปว่า อย่าเรื่องการกินเหล้า การพูด การประเวณี ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมา ถ้าอยู่ในขอบเขตที่ไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน(ผู้ถูกกระทำโดยตรง) ก็ไม่น่าจะถือว่าต้องรับกรรม เพียงแค่บาป เพราะผมยังคิดว่า ในโลกนี้ไม่มีมนุษย์คนไหนไม่เคยโกหก ไม่เคยกินเหล้า(เช่นกินไวน์ เบียร์ หรืออาหารบางอย่างที่มีเหล้าเป็นส่วนผสม) หรือไม่ก็เรื่องเพศ การที่จะบาปไม่บาปนี่ จุดตัดสินคือ การได้แต่งงานตามประเพณีเท่านั้นหรือครับคนเราถึงจะมีอะไรกันได้โดยไม่ถือว่าบาป ผมว่ามันแปลกๆ เพราะประเพณีคือสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมา ไม่ใช่ธรรมชาติ อย่างที่ผมบอกข้างต้น คนสองคนชอบพอกัน เป็นแฟนกัน แล้วมีอะไรกัน คนที่เป้นพ่อแม่รู้ต้องไม่ยอมแน่ๆ แต่ทำไมกรณีนี้ถึงไม่บาป แล้วถ้าเกิดอ้ายลุกเขยคนนี้พ่อตาให้ตายก็ไม่ยอมรับ จนกระทั่งพ่อตาตายไป ผูชายเลยได้แต่งงานก็ลูกสาวพ่อตา ถ้ามีการร่วมประเวณีตลอดที่เป็นสามีภรรยา คนที่เป็นสามีไม่ต้องทำบาปทุกครั้งที่ร่วมเหรอครับ เพราะว่าอยู่ในเงื่อนไขที่ว่าพ่อตาให้ชาตินี้หรือชาติไหนๆก็ไม่ยอมรับลูกเขยคนนี้ หรือคนที่พากันหนีไป ทำไมไม่บาป ผมเลยคิดว่า ที่บาปนะ บาปแน่ แต่เป็นบาปที่ต้องรับกรรมหรือเปล่า หรือว่าเราเชื่อต่อๆกันมาว่าเมื่อบัญญัติในศีลห้าแล้วคือบาป เมื่อทำบาปก็ต้องรับกรรม อันนี้วิเคราะห์ในลักษณะของปุถุชนนะครับ ไม่ได้มีความรู้ในธรรมสักเท่าไหร่นัก อย่างเรื่องบางประเทศกินเบียร์แทนน้ำ ไม่ใช่ว่าเขาสังคมเสื่อมนะครับ เนื่องจากประเทศเขาหนาวมาก ดังนั้นการกินเบียร์คือการสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย อย่าพึ่งเบื่อนะครับ ผมกลัวบางท่านเห็นว่า อ้ายนี้สงสัยไม่มีที่สิ้นสุด ก็ปล่อยให้มันเป็นบัวใต้น้ำต่อไป ที่ผมแย้งเพราะเห็นว่ามันยังมีข้อโต้แย้งที่ไม่ใช่เอาสีข้างเข้าถูนะครับ ยังพอมีเหตุผลที่จะรองรับข้อโต้แย้งบ้าง ก็ช่วยๆตอบนะครับผม ขอบคุณครับ เพราะเรื่องนี้ผมสงสัยมานานแล้วครับ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 29 ก.พ. 47 11:20:49 A:203.113.36.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ทราบเหมือนกันว่าถ้าแต่งงานโดยพ่อตาไม่ยอมรับถือว่าผิดศีลกาเมหรือเปล่า แต่ทราบว่า ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับลูกสาวตัวเอง ดังนั้น ถ้าเราไม่อยากให้เกิดทุกข์กับตนเองก็น่าจะจำไว้ว่าเราก็ไม่ควรให้ทุกข์แก่ผู้อื่น เบียร์ จริงๆแล้วเป็นแหล่งอาหาร คนสมัยก่อนสามารถดื่มเบียร์แทนข้าวได้ เพราะได้สารอาหาร เมื่อก่อนไม่มีตู้เย็น จึงมีการถนอมอาหารในรูปแบบต่างๆ เมื่อก่อนดื่มเป็นอาหาร เดี๋ยวนี้ดื่มเล่นๆ กลายเป็นเรื่องบันเทิงไป ผลก็คืออ้วน ผลที่แย่หน่อยก็คือเมา คนเมามีโอกาสทำอะไรแย่ๆมาก และการเมาก็คือการขาดสติ คนขาดสติจะบรรลุอะไรได้หรือเปล่า เราก็รู้อยู่ เมาไปเมามาอาจทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก เหมือนที่เมาแล้วชกต่อย หรือขับรถชนคนอื่น สรุป ผมคิดว่าพระองค์ไม่ได้ห้ามเล่นๆ แต่พระองค์เห็นผลร้ายที่จะเกิดขึ้น คุณบอกว่าคุณดื่มไม่เมา ไม่น่าเป็นไร ก็ถูกครับ แต่อย่าลืมว่าคนที่ซื้อสุรา ก็คือคนที่อุดหนุนให้ธุรกิจนี้คงอยู่ได้ และทำให้คนอื่นที่ดื่มแล้วเมาก่อเรื่อง มีสุราดื่มอีก ก็คือ คุณทำร้ายผู้อื่นทางอ้อม ชีวิตทุกชีวิตมีความเกี่ยวเนื่องกัน คุณมีอิทธิพลที่จะเปลี่ยนชีวิตคนอื่น แม้ว่าสิ่งที่คุณตัดสินใจที่จะทำจะดูแล้วไม่สลักสำคัญอะไรก็ตาม ดังนั้น ถ้าคุณรู้ผิดชอบชั่วดีกว่าคนอิ่น คุณก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดี... คนอื่นทำผิดไม่สำคัญเท่ากับคุณทำผิดหรอกครับ คนอื่นอาจไม่ได้ถือศีล แต่ถ้าคุณถือ คุณก็คงจะเอามาเทียบกันไม่ได้ จากคุณ : Urim - [ 29 ก.พ. 47 11:58:20 A:169.237.108.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าดูคำแปลในสมาทานศิลแล้ว แต่ละข้อจะมีคำว่า ข้าพเจ้าขอ "ละเว้น" ศิลไม่ใช่ข้อห้าม แต่เป็นข้อควรปฏิบัติ ไม่ทำก้อไม่ผิด แต่เป็นเรื่องที่ควรกระทำค่ะ จากคุณ : @นางมารน้อย@ - [ 29 ก.พ. 47 13:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต้องถามว่า เชื่อในพุทธศาสนาหรือเปล่า? โดยเฉพาะเรื่องของชาตินี้ ชาติหน้า ถ้าไม่เชื่อ ก็ป่วยการที่จะพูดต่อ แต่ถ้าใช่ ... อย่างแรกคือ ควรศึกษาเรื่อง chaos theory ซักนิดครับ .. ผีเสื้อขยับปีกที่อเมริกา ก่อพายุไต้ฝุ่นในเมืองจีน สิ่งที่เราทำผิดในวันนี้เล็กๆน้อยๆนิดเดียว อาจก่อปัญหามหาศาลในอนาคตได้ ที่บอกอนาคต ไม่ใช่เรื่องของพรุ่งนี้ ไม่ใช่เรื่องของปีหน้า หรือร้อยปีหน้า เราพูดถึงอนาคตอันยาวนาน มองหาต้นไม่เห็น มองหาปลายไม่เจอ กาลเวลาที่ล้านปี สั้นกว่าฟ้าแล่บแปล่บเดียว อย่างที่สอง อกุศลกรรม แม้เพียงเล็กน้อย แต่ทำบ่อยๆ ก็มากเอง อย่างที่สาม การกินเหล้า แล้วตกนรกเลยเนี่ย ... แสดงว่า ไม่รู้เรื่องของการสร้างกุศลกรรมเลยหรือไร? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 29 ก.พ. 47 14:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มันเหมือนกับว่าเป็นการสอนที่ผมรับรู้มาแต่เด็กๆนะครับคุณแมวเหมียวว่า ถ้ากินเหล้าจะได้รับผลอย่างไร แต่ผมยังติดใจตรงที่ว่าคำตอบเหมือนยังคลุมเครือ ต้องไปพิจารณาเอาเองนะครับ แต่ตัวผมก็เข้าใจว่าจะเอาความคิดในทางโลกไปตัดสินก็ไม่ถูก แต่ว่าจะใช้เชื่อเลยโดยที่ในใจมันค้างคา ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราเชื่อพระเจ้าทั้งที่ไม่เคยเห็นนะครับ(เอ๊ะ ผมหาเรื่องเปล่าเนี่ย) เรื่องชาติหน้าผมเชื่อครับ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่แต่ผมเชื่อ แต่เรื่องที่ผมถามในกระทู้นะสิครับ ผมว่ามันเหมือนกับว่าเชื่อต่อๆกันมามากกว่านะครับ อย่าพึ่งเบื่อนะครับ แต่ถ้าเบื่อก็ไม่เป็นไรคับ แค่นี้ก็ถือว่าช่วยผมมากแล้ว จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 29 ก.พ. 47 17:39:05 A:203.113.36.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ก็มนุษย์ถึงต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดไงจ๊ะ เพราะเราทำผิดกันคนละเล็ก ละน้อย โดยที่เราคิดไปว่า เราไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร เหมือนสินค้ามีตำหนิ ใช้งานได้ แต่ถามว่าสมบูรณ์ไหม ก็ไม่... เราไม่ได้หมายความว่า เรานี้ดี ไม่เคยโกหกนะ พูดกันตามตรง โดยหน้าที่การงานนี่ รับรองต้องโกหกทุกวัน(แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนหนัก) เหล้าก็กิน แต่ไม่ได้บ่อย ออกแนวสังสรรค์ (แต่ถ้าหวานๆ นี่ชอบ) ยังรู้สึกแย่ๆ เล้ย ส่วนเรื่องการฆ่าสัตว์ เราไม่ได้ฆ่าโดยตรง แต่เราทานเนื้อสัตว์ใช่ไหม ก็ทางอ้อมนั่นแหละที่ผิดศีลข้อ 1 ถามว่าเรารู้สึกว่าเราทำผิดไหม ยอมรับกันตรงๆ ผิดค่ะ แต่เราก็ยังเป็นมนุษย์กิเลสหนา ละเลิกไม่ได้สักที ที่บอกว่า แล้วต้องตกนรกกันหมดไหม ตอบตรงๆ ไม่รู้ เพราะท่านที่ตั้งกฏว่าใครทำผิดแค่ไหนตกนรกไหม ไม่สามารถมาบอกเราได้ การที่เราบอกว่า ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ญ.ยินยอม กินเหล้าเป็นยา เราพูดตรงๆ นะว่า คำเหล่านี้คือ ข้ออ้างที่เราจะทำผิดศีลต่อไป (เราก็เคยคิดหาข้ออ้างแบบนี้แหละ) แล้วเราก็มาคิดได้อีกอย่างว่า การที่เราทำผิดศีลเล็กๆ น้อยๆ อาจจะไม่ต้องรับกรรมหนัก แต่อย่าลืมว่า เราก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากวัฏสงสารได้จริงไหม ซึ่งเราว่านี่ก็คือ "กรรม" อย่างนึง เราต้องมาเวียนว่าย ตายเกิด ผจญกับทุกข์สุข หัวเราะ ร้องไห้ ดีใจ เสียใจ เวลาที่คุณผิดหวัง เสียใจ รู้สึกยังไงคะ... เหมียว คิดว่า หากเราหวังผลว่า สักวันหนึ่งเราจะหลุดพ้นจากเรื่องพวกนี้ เราคงต้องรักษาศีล กันอย่าง จริงจัง ตั้งใจว่าจะไม่ละเมิดเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นการที่คุณตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา แสดงว่ากำลังสองจิตสองใจ จะเลิกไม่เลิกพฤติกรรมที่ผ่านมา ดีไหม ถ้ามีคนจำนวนมาตอบว่า เห็นด้วย เหมียวเชื่อว่า คุณคงจะทำตัวแบบเดิมต่อ แต่เหมียวคิดว่า การที่คุณเจ้าของกระทู้ มาตั้งกระทู้ที่ หัวข้อ "ศาสนา-ปรัชญา" ก็สื่อถึงว่า คุณโน้มเอียงมาทางฝ่ายดี มากกว่านะคะ เห็นด้วยไหม... ^ - ^ เหมียว ขออนุญาต แนะนำสักนิดนะคะว่า อย่าใช้วิธีการหักดิบ แต่ค่อยๆ ละเลิกทีละพฤติกรรมดีไหม ถ้าคุณยังใจไม่แข็งพอ (แบบว่า เราก็กะลังพยายามอยู่น่ะ อิอิ) ปล.1 ถ้าคุณไปตั้งกระทู้ที่ สยามสแควร์ อาจได้คำตอบอีกแบบก็ได้นะ ปล.2 ข้อความที่เราพิมพ์ไว้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะจ๊ะ อ่านไปอ่านมา อาจจะงงๆ หน่อย และไม่สามารถเอาไปใช้อ้างอิงได้นะคะ ฮุฮุ จากคุณ : เหมียวน้อย (catzila) - [ 29 ก.พ. 47 17:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ จากข้อความของคุณ แมวเหมียวพุงป่อง ที่ว่า "ผีเสื้อขยับปีกที่อเมริกา ก่อพายุไต้ฝุ่นในเมืองจีน" ขอยืนยันว่า เป็นเรื่องจริงนะคะ ... อยากบอกทุกคนว่า เร็วๆ นี้จะมีหนังเข้าใหม่เรื่องนึง(ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้มากกว่านี้) เนื้อเรื่องจะประมาณว่า คนๆ นึงสามารถย้อนอดีต ไปล่าไดโนเสาร์ (เหมือนโนบีตะ กับไดโนเสาร์) แต่ต้องตรวจสอบก่อนว่า ไม่ไปกระทบกับเหตุการณ์ในอนาคต บังเอิ๊ญ พระเอกของเราดันไปเหยียบแมลงอะไรสักอย่างนี้แหละ ในอดีต แค่แมลงตัวนิดเดียวเองนะคะ แล้วไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า เหยียบไรหว่า ปรากฏว่า กลับมาในโลกปัจจุบันของตัว โลกเปลี่ยนไปค่ะ กลายเป็นทะเลทรายเวิ้งว้าง ก็ต้องกลับไปแก้ไขอดีตกันต่อ ที่เล่ามานี้ อยากจะมาย้ำข้อความของคุณแมวเหมียวพุงป่องนะคะว่า การที่เราทำอะไรสักอย่าง โดยที่คิดว่า ไม่มีอะไรหรอก นิดเดียวแค่นั้น ก็มีผลกระทบเกิดตามมาแน่นอน โดยที่เราไม่รู้หรอกว่า จะกระทบมากหรือน้อย ถ้าน้อย คุณก็คิดว่า ไม่มีอะไร ถ้ามาก คุณก็คิดว่า โอ๊ย ไม่น่าเลย อย่าให้สายเกินแก้นะคะ เหมียวเชื่อว่า ทุกคนมีโอกาสแก้ไขสิ่งที่ผิด แต่บางสิ่งผ่านไปแล้ว เราเอากลับมาไม่ได้ การป้องกันจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เอ้อ แนะนำคนอื่นเก่งเนอะ แต่เวลามีปัญหา เอาตัวไม่รอดทุกที จากคุณ : เหมียวน้อย (catzila) - [ 29 ก.พ. 47 18:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ศีล... มีระดับของผู้ปฏิบัติครับ ฆราวาส สงฆ์ การผิดศีล 5 ก็เป็นบาป แต่บาปมาก บาปน้อย ตามแต่กรณี เหมือนกับพระ ก็มีความผิดหลายระดับ ระดับสูงสุด ก็คือ ขาดจากการเป็นพระสงฆ์ (ปาราชิก) ระดับต่ำ ก็ให้ไปสำนึกตัว ให้สารภาพกับพระด้วยกัน อะไรทำนองนี้ ศีล...มีไว้เพื่อความสงบร่มเย็นในการอยู่ร่วมกัน ยิ่งคุณเห็นว่า... ไม่เป็นไร ต่อไป ก็อาจจะทำผิดข้อที่ใหญ่ รหรือร้ายแรงกว่าเดิมได้ เพราะ การทำผิด จะนำมาซึ่งความผิด ยิ่งปกปิด โดยไม่พยายามแก้ไข ก็จะค่อยๆเลวร้ายไปเรื่อยๆ จากคุณ : Phoenixนิลมังกร - [ 29 ก.พ. 47 23:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก็ธรรมชาติ มีทั้งฝ่ายต่ำและฝ่ายสูงและฝ่ายกลางๆ ถ้าเลือกพิจารณาเฉพาะฝ่ายต่ำกับฝ่ายสูง (หรือฝ่ายชั่วกับฝ่ายดี) เช่น ฝ่ายต่ำ(ชั่ว) คือการขโมย คือความโลภ แต่ฝ่ายสูง(ดี)คือการให้ทาน คือการเสียสละ ,, หรือ ฝ่ายต่ำคือการฆ่า แต่ฝ่ายสูงคือการช่วยชีวิต ... ...แล้วคุณเจ้าของกระทู้ชอบฝ่ายไหน ?? ... จากคุณ : ช้างฯ - [ 29 ก.พ. 47 23:27:19 A:68.43.187.79 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 กรรม http://geocities.com/toursong1/kam/kam.htm จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 1 มี.ค. 47 06:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลองอ่านหนังสือธรรมะ ที่นี่ดูครับเผื่อเกิด กัมมสัทธา http://84000.org/tipitaka/book/ ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 1 มี.ค. 47 06:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความเห็นส่วนตัว โปรดพิจารณา ชาตินี้ เราโกหก แต่ว่าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ดื่มสุรา ถ้าเรากินแต่พอดี กินเป้นยา ก็ไม่มีใครเดือดร้อน ชาติหน้า ผลกรรมที่ได้อาจจะเป็นว่า เกิดสติปัญญาทึบแต่เราไม่รู้ตัวเรา เราก้อไม่เดือดร้อนในความทึบปัญญาของเราเอง พูด แบบโบราณฯคือ โง่ไม่รู้ตัวว่าโง่ เป็นต้น จากคุณ : บุญรักษา( คนโบราณ ) - [ 1 มี.ค. 47 08:34:41 A:203.113.35.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเคยอ่านที่ไหนจำไม่ได้ครับ ว่าเป็นประวัติของพระพุทธองค์เหมือนกัน เรื่องว่า พระพุทธเจ้าทรงป่วย(ขออภัย เอาภาษาง่าย ๆ นะคับ ผมไม่เก่งภาษา) ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ โดยมีพระอานนท์ เป็นผู้คอยดูแลพระองค์ท่าน พระองค์ทรงกระหายน้ำ จึงให้พระอานนท์ไปหาน้ำมาให้ ปรากฏว่า แอ่งน้ำนั้นมีรถวิ่งผ่านไป ทำให้น้ำขุ่น พระอานนท์จึงกลับมาบอกพระองค์ว่า น้ำขุ่น ไม่สามารถตักนำมาถวายได้ พระพุทธองค์จึงกล่าวให้ฟังถึงบุพกรรมเก่า ที่พระองค์ทรงเกิดเป็นเด็กเลี้ยงวัว(หรือเลี้ยงตัวอะไรสักอย่างนี่แหละครับผมจำไม่ได้) ครั้งนั้นได้จูงวัวไปกินน้ำ โดยมีแอ่งน้ำสองแอ่งอยู่ติดกัน เจ้าวัวก็เดินจะไปกินน้ำที่แอ่งที่มีน้ำขุ่นกำลังจะกิน เด็กก็คิดไปว่า วัวนี้ทำงานหนัก สมควรจะได้กินน้ำที่สะอาด ก็ดึงวัวไปกินน้ำในแอ่งที่สะอาด ก็ด้วยผลกรรมเพียงเล็กน้อยนี่ล่ะครับ จึงทำให้พระองค์ไมได้ฉันน้ำจากพระอานนท์ เมื่อพระอานนท์กลับไปตักน้ำอีกครั้งน้ำก็ใสสะอาด จึงได้ตักนำมาถวายพระพุทธองค์ ในความคิดของผมก็คือ ถ้าผลกรรมที่ได้ทำไว้แม้แต่เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าจังหวะที่กรรมจะมาสนองเรา ไปประจวบเหมาะกับกรรมอื่น ก็คงไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ครับ เช่น เคยนอกใจบุตรภรรยาคนอื่นไว้ แล้วก็เคยทำร้ายสัตว์อื่นให้ค่อย ๆ ทรมานจนตาย จริงอยู่ครับ ทั้งสองอย่างเรามีเหตุผลของตัวเราเอง แต่ถ้ามันมาสนองเราพร้อม ๆ กัน ก็จะกลายเป็น 1+1 = 2 แม้จะทำกรรมกันต่างวาระ แต่เมื่อกรรมตามมาทัน ผมเดาเอาว่าจะเป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และก็เป็นแผลพุพองจนตาย (เอดส์) - -" เอ ผมคิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย อีกอย่างผมเคยถามตัวเองว่า ศีลควรทำให้เคร่งครัดขนาดไหน ผมได้รับคำตอบมาว่า ก็คิดว่าแค่ไหนล่ะ ถึงจะเคร่ง ผมเองก็มึนตึ้บเหมือนกัน จากคุณ : คนหลงทาง (picopico) - [ 1 มี.ค. 47 20:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้ววว พอคุยถึงเรื่องกรรมดูเหมือนว่าจะละเอียดอ่อนมากจนเราเกิดมาทำไมเลยนะครับเนี่ย เข้าใจยากมากจริงๆครับ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 1 มี.ค. 47 20:24:25 A:203.113.36.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทุกคนมีกรรมทั้งนั้นแหละครับ อย่าไปคิดจนหดหู่นะครับ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ทางที่ดีหาแนวปฏิบัติที่คุณชอบ ค่อย ๆ ศึกษาพิจารณา แล้วก็ทำไปน่ะแหละครับ สักวันคุณอาจจะ ปิ๊ง ขึ้นมาก็ได้ครับ จากคุณ : คนหลงทาง (picopico) - [ 1 มี.ค. 47 21:06:00 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องกรรม เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริง ผู้ที่แทงตลอด แจ้งในเรื่องของกรรม (ผลที่เกิดจากการกระทำ อันจิตเป็นผู้บันทึก) ก็มีแต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นครับ ตัดเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน ... เอาเรื่องง่ายๆใกล้ตัว กุศลกรรม เหมือนน้ำ อกุศลกรรม เหมือนเกลือ จิตที่เกิดดับ สืบต่อเนื่อง ให้เรามายึดว่า นี่เป็นตัวเรา (อัตตา) เหมือนภาชนะบรรจุ ... ตุ่มอภิมหายักษ์ ใส่น้ำขันหนึ่งลงไปในตุ่ม ใส่เกลือกำหนึ่งลงไป กวนๆสองสามที ... น้ำนั้นเค็มปี๋ กินไม่ได้ ใส่เกลือลงไปอีกกำหนึ่ง แต่ใส่น้ำลงไปกาละมังหนึ่ง เกลือเพิ่มขึ้น แต่น้ำจืด ... พอกินได้ ใส่เกลือลงไปอีกกำหนึ่ง แต่ใส่น้ำลงไปสิบกาละมัง เกลือเพิ่มขึ้น แต่คราวนี้ น้ำจืด ... กินสบาย เลยคิดว่าน้ำจืดแล้ว ไม่มีปัญหา ไม่ต้องเติมน้ำอีก ใส่แต่เกลือลงไปทีละนิดทีละหน่อย ... ช้อนสองช้อน ... ถามว่า อีกนานไหม กว่าน้ำจะหายจืด และเค็มจนกินไม่ได้ น้ำที่จืด คือ ภพที่น่าอยู่ น่าชม มีแต่ความสุข ที่เราเรียกกันว่าสวรรค์ น้ำที่เค็ม คือ ภพที่ไม่น่าอยู่ ไม่น่าชม มีแต่ความทุกข์ ที่เราเรียกกันว่านรก เมื่อไหร่น้ำจะจืด เริ่มกินได้ เมื่อไหร่ น้ำจะเค็ม จนกินไม่ได้ มันบอกยาก ... แต่ถ้าจะ play safe .. เราไม่ควรใส่เกลือลงไป ใช่ไหมครับ???? ฉันใดก็ฉันนั้น (แต่ไม่ใช่ฉันเพล) ... เราไม่ควรสร้างอกุศลกรรม โดยคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะไม่มีใครบอกได้ว่า เมื่อไหร่ มันจะมากจนเวลาที่เรา reset ชีวิตเราใหม่ มันจะดันเราปักหัวลงเบื้องต่ำ ... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 1 มี.ค. 47 21:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถาม 3 ข้อ มาตอบ 3 ข้อครับ กินเหล้า....ไม่เดือดร้อนใคร...บาปไหม...ตอบ..บาปครับ บาปยังไง....ก็มันไม่เดือดร้อนใครนี่... บาปสิครับ..ตัวคุณนั่นแหละเดือดร้อน คือคุณมีเจตนาจะ " มอม สติ " ของตัวเอง ทำบ่อยๆ .ติดนิสัยที่จะ " มอมสติ " ของตัวเองข้ามภพข้ามชาติครับ เจตนาดื่มเหล้าเพื่อมอมสติ เป็นเจตนาที่ถูกกิเลสย้อม....จิตเป็นอกุศล... ถ้าไม่มีบุญอื่นมาช่วย ผลลัพธ์คือ กรรมนี้จะนำคุณไปยังมหานรกขุมที่ 5 ครับ กรรมที่เหลือ จะส่งผลให้คุณมาเกิดใหม่เป็นบุคคลประเภท ไม่ฉลาด-ขาดสติ แล้วกินเป็นยาล่ะ บาปไหม..? ไม่บาปครับ ถ้ามีเจตนาเป็นยาจริงๆ ... แต่คนที่มีเจตนาที่จะมอมสติของตนเอง โดยใช้คำว่า กินเหล้าเป็นยา มาเป็นข้ออ้างน่ะ มีเยอะครับ ...ไม่รอด ....................................... ไปลักลอบได้เสียกับลูกสาวเขาโดยที่ลูกสาวเขายินยอม...ไม่มีใครเดือดร้อน..บาปไหม.. ทำไมจะไม่มีใครเดือดร้อนครับ....ถ้าคุณมีลูกสาวแล้วลูกสาวไปลักลอบได้เสียกับเพื่อนๆ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่.... เป็นคุณทุกข์ไหมล่ะครับ... ถ้าไม่มีบุญอื่นมาช่วย การทำกรรมนี้ นอกจากผลกรรมจะส่งให้ตกนรกแล้ว เศษกรรมจะทำให้เกิดมาเป็นผู้หญิง แล้วไปโดนล่อลวงให้เต็มใจได้เสียกับผู้ชาย ทำให้พ่อแม่ตัวเองเสียใจ.. ในทำนองเดียวกันอีกครับ ................................ โกหกล่ะ..ถ้าไม่มีใครเดือดร้อน....บาปไหม.... บาปสิครับ...คุณรู้ได้ไงว่าไม่มีใครเดือดร้อน...คุณนัดเพื่อน..แล้วไปสาย..ก็เลยโกหกว่ารถติด... เพื่อนก็เข้าใจว่าคุณได้พยายามมาหาเขาแล้ว....ทั้งๆที่ความจริงคุณหลบไปเกี้ยวสาวมา ก็เลยเข้าใจผิดว่าคุณเป็นคนตรงไปตรงมา .....แต่มาช้าเพราะเหตุสุดวิสัย ตรงนี้..เพื่อนคุณก็เสียประโยชน์แล้วครับ... เสียประโยชน์เพราะ ถูกคุณหลอกให้เข้าใจผิด....ว่าคุณเป็นเพื่อนที่ ตรงไปตรงมา..แต่ที่จริงก็ไม่ใช่ อย่างนี้เขาเสียประโยชน์ แล้วครับ ถ้าทำบ่อยๆ....คนโกหกก็จะติดนิสัยที่เป็นภัยแก่ตัวเอง.. ถ้าไม่มีบุญอื่นมาช่วย ตายไปจะตกนรกครับ เศษกรรมจะทำให้เกิดเป็นคนที่ ถึงแม้จะพูดคำจริง ก็ไม่มีใครเชื่อถือครับ จากคุณ : korn - [ 1 มี.ค. 47 21:57:01 A:203.148.252.233 X:210.203.176.175 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ฟังคุณความคิดเห็นที่ 20 แล้วชักจะกลัวซะแล้วสิคะ อย่างนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทุกคนต้องเคยตกนรกมาแล้วทั้งนั้น และในอนาคต ก็มีโอกาส หรือจริงๆ ตอนนี้อยู่ปากทางแล้วนะ เฮ่อ... ไม่ควรประมาทจริงๆ จากคุณ : เหมียวน้อย - [ 2 มี.ค. 47 11:47:40 A:203.121.141.2 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 22 ซึมซับข้อมูล ข้อแนะนำแล้วครับ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 2 มี.ค. 47 20:12:36 A:203.113.36.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากความเห็นที่ ๑๖ ของคุณคนหลงทาง เนื้อเรื่องดังกล่าวมาจากพระสูตรในพระไตรปิฏก ครับ http://geocities.com/toursong1/kam/kam.htm (๑) พุทธาปทานชื่อปุพพกรรมปิโลติที่ ๑๐ (๓๙๐) ว่าด้วยบุพจริยาของพระองค์เอง เล่มที่ ๓๒ [๓๙๒] พระผู้มีพระภาคผู้เป็นนายกของโลก แวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์เป็นอันมากประทับนั่งอยู่ที่พื้นหิน อันเป็นรัมณียสถานโชติช่วงด้วยแก้วต่าง ๆ ในละแวกป่าอันมีกลิ่นหอมต่าง ๆ ใกล้สระอโนดาต ตรัสชี้แจงบุรพกรรมทั้งหลายของพระองค์ ณ ที่นั้นว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟังกรรมที่เราทำแล้วของเรา เราเห็นภิกษุผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตรรูปหนึ่งแล้วได้ถวายผ้าเก่า เราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ในกาลนั้น ผลแห่งกรรม คือ การถวายผ้าเก่าย่อมอำนวยผลให้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลก่อน เราเป็นนายโคบาล ต้อนโคไปเลี้ยง เห็นแม่โคกำลังดื่มน้ำขุ่นมัว จึงห้ามมัน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ (แม้) เราจะกระหายน้ำ ก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามความปรารถนา ในชาติอื่นในกาลก่อน เราเป็นนักเลงชื่อปุนาลิ ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้าชื่อว่าสุรภี ผู้ไม่ประทุษร้าย (ตอบ) ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราท่องเที่ยวอยู่ในนรกเป็นเวลานาน ได้เสวยทุกขเวทนาแสนสาหัส หลายพันปีเป็นอันมาก ด้วยผลกรรมอันเหลือนั้น ในภพหลังสุดนี้ เราจึงได้คำกล่าวตู่เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา เพราะการกล่าวตู่พระเถระ นามว่านันทะ สาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ครอบงำอันตรายทั้งปวง เราจึงท่องเที่ยวอยู่ในนรกสิ้นกาลนาน เราท่องเที่ยวอยู่ในนรกเป็นเวลานานถึงหมื่นปี ได้ความเป็นมนุษย์แล้ว ได้การกล่าวตู่เป็นอันมากด้วยผลกรรมที่เหลือนั้น นางจิญจมานวิกามากับหมู่ชน ได้กล่าวตู่เราด้วยคำอันไม่เป็นจริง เมื่อก่อน เราเป็นพราหมณ์ชื่อสุตวา อันชนทั้งหลายสักการะบูชา สอนมนต์ให้กับมาณพประมาณ ๕๐๐ คนในป่าใหญ่ ก็เราได้เห็นฤาษีผู้น่ากลัว ได้อภิญญา ๕ มีฤทธิ์มากมาในสำนักของเรา เราจึงกล่าวตู่ฤาษีผู้ไม่ประทุษร้าย โดยได้บอกกะพวกศิษย์ของเราว่า ฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม แม้เมื่อเราบอก (เท่านั้น) พวกมาณพก็เชื่อฟัง ครั้งนั้น มาณพทั้งปวง เที่ยวไปภิกษาในสกุล ๆ พากันบอกแก่มหาชนว่า ฤาษีพวกนี้ มักบริโภคกาม ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ภิกษุ ๕๐๐ เหล่านี้ ได้คำกล่าวตู่ทั้งหมด เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา ในกาลก่อน เราได้ฆ่าพี่น้องชายต่างมารดา เพราะเหตุแห่งทรัพย์ จับใส่ลงในซอกเขา และบด (ทับ) ด้วยหิน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระเทวทัตจึงผลักก้อนหิน ก้อนหินกลิ้งลงมากระทบนิ้วแม่เท้าของเราจนห้อเลือด ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ที่หนทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ใส่ไฟเผา (ดัก) ไว้ทั่วหนทาง ด้วยวิบากกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ พระเทวทัตจึงชักชวนนายขมังธนู ผู้ฆ่าคนตายมาก เพื่อให้ฆ่าเรา ในกาลก่อน เราเป็นนายควาญช้าง ได้ไสช้างให้จับมัดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้อุดมมุนีแม้กำลังเที่ยวบิณฑบาต ด้วยวิบากกรรมนั้น ช้างนาฬาคิรีอันดุร้าย วิ่งแล่นเข้าไปในคอก (ท้อง) เขา (วงกต) เบื้องหน้าผู้ประเสริฐ ในกาลก่อน เราเป็นนายทหารราบ (เป็นแม่ทัพ) ฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วยหอก ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราถูกไฟไหม้อย่างเผ็ดร้อนอยู่ในนรก ด้วยผลอันเหลือแห่งกรรมนั้น บัดนี้ไฟนั้นยังมาไหม้ผิวหนังที่เท้าของเราทั้งสิ้น (อีก) เพราะว่ากรรมยังไม่พินาศไป ในกาลก่อน เราเป็นเด็ก (ลูก) ของชาวประมงอยู่ในบ้านเกวัฏฏคาม เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาแล้ว เกิดความโสมนัส ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่ศีรษะ (ปวดศีรษะ) ได้มีแล้วแก่เราในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกเบียดเบียน พระเจ้าวิฏฏุภะฆ่าแล้ว เราได้บริภาษพระสาวกทั้งหลายในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ ว่าท่านทั้งหลายจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง แต่อย่ากินข้าวสาลีเลย ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราอันพราหมณ์นิมนต์แล้ว อยู่ในเมืองเวรัญชา บริโภคข้าวแดงตลอด ๓ เดือน ในกาลนั้น เมื่อนักมวยกำลังชกกัน เราได้ห้ามบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่หลัง (ปวดหลัง) ได้มีแล้วแก่เรา เมื่อก่อนเราเป็นหมอรักษาโรค ได้ถ่ายยาให้เศรษฐีบุตร (ตาย) ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น โรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา เราชื่อว่าโชติปาละ ได้กล่าวกะพระสุคตเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ในกาลนั้นว่า จักมีโพธิมณฑลแต่ที่ไหน โพธิญาณท่านได้ยากอย่างยิ่ง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราได้ประพฤติกรรมที่ทำได้ยากมาก (ทุกกรกิริยา) ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมตลอด ๖ ปี แต่นั้นจึงได้บรรลุโพธิญาณ แต่เราก็มิได้บรรลุโพธิญาณอันสูงสุดด้วยหนทางนี้ เราอันบุรพกรรมตักเตือนแล้ว จึงแสวงหาโพธิญาณโดยทางที่ผิด (บัดนี้) เราเป็นผู้สิ้นบาปและบุญ เว้นจากความเร่าร้อนทั้งปวง ไม่มีความเศร้าโศก ไม่คับแค้น เป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพาน พระชินเจ้าทรงบรรลุกำลังแห่งอภิญญาทั้งปวงแล้ว ทรงพยากรณ์โดยทรงหวังประโยชน์แก่ภิกษุสงฆ์ที่สระใหญ่อโนดาต ด้วยประการฉะนี้แล. ทราบว่า พระผู้มีพระภาคได้ทรงภาษิตธรรมบรรยายพุทธาปทานชื่อ ปุพพกรรมปิโลติ อันเป็นบุพจารีตของพระองค์ ด้วยประการฉะนี้แล. จบพุทธาปทานชื่อปุพพกรรมปิโลติ จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 - [ 3 มี.ค. 47 05:13:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 นรก สวรรค์ เกิดมาพร้อม กับมนุษย์หรือเปล่าวครับ แล้วมันมีความ เป็นสากลหรือเปล่าวครับ แต่ละศาสนาคนตายแล้วไปที่เดียวกันหรือเปล่าวหรือว่า นรก สวรรค์ของใครของมัน แล้วนรก สวรรค์ มีอยู่จริงไหมครับ จากคุณ : ผมเองกั๊บ - [ 3 มี.ค. 47 23:17:41 A:202.133.131.49 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 นรกสวรรค์มีจริง เป็นสากล เกิดพร้อมกับภพภูมิต่างๆในวัฏฏสงสาร เมื่อเริ่มตั้งกัปล์ใหม่แต่ละครั้ง สำหรับชนชาติต่างๆ ตายแล้วจะไปนรกสวรรค์ก็ไปในระดับเดียวกัน แต่อาจจะสร้างภูมิที่เป็นดินแดนของตัวเองขึ้นมาตามที่จิตของตนเองชอบจะสร้างจะปรุงแต่งขึ้นมา ทำนองเดียวกับเขตแดนของประเทศต่างๆในโลกนี้ แต่สามารถติดต่อถึงกันได้ เพราะฉะนั้นสมมุตติว่าพวกฝรั่งที่ดีๆถ้าตายไปอาจจะไปเป็นเทวดาตามแบบของเขา สรางภพภูมิของเขาขึ้นมา ตามที่จิตเขานิยมชมชอบ อยู่ในหมู่เดียวกัน ที่มีกรรมมีความชอบในจิตแบบเดียวกัน แต่ระนาบของภพภูมิจะอยู่ในระดับเดียวกับของเทวดาพวกชนชาติอื่นๆ ตามแต่ระดับของกรรมของคนนั้นๆ จากคุณ : ช้างฯ - [ 4 มี.ค. 47 08:59:45 A:68.43.184.144 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 แล้วนรกสวรรค์ แบ่งตามศาสนาด้วยใช่ไหมครับ แล้ว สมัยที่ยังไม่มีศาสนาหล่ะครับ ตายแล้วไปไหน จากคุณ : ผมเอง - [ วันมาฆบูชา 23:11:59 A:210.86.197.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณคคห.20 ตอบชัดเจนมากครับ ได้ความรู้ จากคุณ : ไม่อยากเกิด - [ 17 มี.ค. 47 09:58:45 ]